องค์ชายยอนซัน ผู้กลับชาติมาเกิด(เป็น...?)
ดร.เพียงออ เลาหะวิไลย"องค์ชายยอนซัน" ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1494 เป็นโอรสองค์โตของ "พระเจ้าซองจง" กับ "พระมเหสี เจ-ฮอน" จากตระกูลยุน พระราชวงศ์โชซอนนั้นมาจากตระกูล "อี" กษัตริย์ทุกพระองค์ของโชซอนมี แซ่ "อี" ทว่า ตระกูลของพระมเหสีนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลี เนื่องจากบ่งบอกถึงความมั่นคงในฐานอำนาจของราชวงศ์ที่มาจากตระกูลขุนนางต่างๆ ซึ่งเกี่ยวดองผ่านการสมรสกับราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง ทว่า ในหลายเหตุการณ์กลับสร้างความวุ่นวายและการนองเลือดในบ้านเมือง
ดร.เพียงออ เลาหะวิไลย
"องค์ชายยอนซัน" ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1494 เป็นโอรสองค์โตของ "พระเจ้าซองจง" กับ "พระมเหสี เจ-ฮอน" จากตระกูลยุน พระราชวงศ์โชซอนนั้นมาจากตระกูล "อี" กษัตริย์ทุกพระองค์ของโชซอนมี แซ่ "อี" ทว่า ตระกูลของพระมเหสีนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลี เนื่องจากบ่งบอกถึงความมั่นคงในฐานอำนาจของราชวงศ์ที่มาจากตระกูลขุนนางต่างๆ ซึ่งเกี่ยวดองผ่านการสมรสกับราชวงศ์อยู่เบื้องหลัง ทว่า ในหลายเหตุการณ์กลับสร้างความวุ่นวายและการนองเลือดในบ้านเมือง
พระมเหสีเจ-ฮอน พระราชมารดาขององค์ชายยอนซัน เป็นลูกหลานรุ่นที่ 11 ของอดีตแม่ทัพยุนกวานแห่งราชวงศ์โคเรียว ผู้เคยปกป้องแผ่นดินจากการรุกรานของเผ่าหยูเชิน (อยู่ในดินแดนแมนจูเรียและต่อมา สถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นปกครองจีน) แม่ทัพยุนได้รับความเคารพว่าเป็นผู้กล้าหาญของเกาหลีจนกระทั่งมีอนุสาวรีย์อยู่บริเวณสถานีรถไฟกรุงโซลในปัจจุบัน ใครผ่านไปทางนั้น ไปเยี่ยมท่านได้ค่ะ...
ในวัยเยาว์ ธิดาของขุนนางยุนกี-กยอน คนนี้ มีความงดงามยิ่งนักเป็นที่ต้องพระราชหฤทัยของพระเจ้าซองจงอย่างมากจึงได้รับพระนางเข้าเป็นพระสนม หลังจากสมเด็จ พระราชินีคงฮเย (จากตระกูลฮัน) สิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาท พระเจ้าซองจงจึงตั้งพระนางขึ้นเป็นพระราชินี ขั้วการเมืองจึงเปลี่ยนจากตระกูลฮันเป็นตระกูลยุน ดังนั้น ด้วยความที่พระนางเป็นหญิงสาวผู้งดงามมาจากตระกูลสูงส่ง
จึงทำให้ได้รับการตามใจแต่เล็ก ในบันทึกพระราชวงศ์ระบุว่า พระนางเป็นหญิงเจ้าอารมณ์และมีความหึงหวงรุนแรงจนถึงขั้นลอบวางยาพิษชายาองค์หนึ่งของพระเจ้าซองจงหลังพระนางคลอดองค์ชายยอนซันได้ไม่นาน ทว่า เหตุการณ์นั้นมิได้ทำให้พระนางถูกลงอาญา แต่กลับเป็นเหตุจากรอยเล็บข่วนเล็กๆ ของพระนางที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระเจ้าซองจง หลังจากสามีภรรยาทะเลาะกันในคืนหนึ่งในปี ค.ศ. 1479...
อนึ่ง มาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมเกาหลีจึงสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ของตนเองตั้งแต่ยุคโบราณผ่านมาเป็นพันปีได้ละเอียดนัก นั่นเป็นเพราะ เกาหลีโบราณได้รับอิทธิพลจากจีน จึงใช้อักษรจีนและมีการทำกระดาษฮันจิ (วิธีทำคล้ายกระดาษสา) ไว้ใช้กันมานานแล้ว จึงได้มีการบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ เช่น โฮจ๊ก หรือจ๊กโบ ซึ่งเป็นหนังสือประจำตระกูลต่างๆ ที่บันทึกสาแหรกของตระกูลว่ามีใครแต่งงานกับใครมีเหตุการณ์อะไร มีข้าทาสเท่าไร ก็เป็นหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่ง
โฮจ๊กที่เก่าแก่ที่สุดเป็นของ "ตระกูล กวน" ที่สามารถย้อนไปถึงบรรพบุรุษได้ถึง 2000 ปีเลยทีเดียว... นอกเหนือจากนั้น ในต้นราชวงศ์โชซอนได้มีพระราชโองการให้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในราชสำนัก แต่ปิดผนึกไว้มิให้ใครได้อ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกษัตริย์ที่กำลังครองราชย์อยู่เนื่องจากทรงมีพระราชอำนาจในการให้คุณให้โทษใครก็ได้
เมื่อพระพันปีอินซู พระราชมารดาของพระเจ้าซองจงทอดพระเนตรเห็นรอยเล็บที่พระเจ้าซองจงทรงปกปิดไว้ ทำให้พระพันปีพิโรธ บังคับให้พระเจ้าซองจงมีพระราชโองการสั่งปลดพระมเหสีเจ-ฮอนเป็นสามัญชนและเนรเทศออกจากพระราชวัง ตอนนั้นองค์ชายน้อยยอนซันอายุได้เพียง 3 ขวบ ว่ากันว่า ขั้วอำนาจขุนนางฝ่ายตระกูลของพระนางที่สูญเสียอำนาจไปแล้ว
ได้มีความพยายามในการดำเนินการให้พระนางคืนสู่ฐานันดรและพระราชวังอีกครั้ง ทว่า ถูกสกัดจากขุนนางอีกฝ่าย ในที่สุด อดีตมเหสียุน จึงถูกขุนนางที่ได้อำนาจปกครองลงโทษประหาร โดยการดื่มยาพิษสิ้นพระชนม์เมื่ออายุเพียง 28 ปี ในขณะที่องค์ชายยอนซันมีอายุเพียง 6 ขวบ และไม่เคยได้พบพระมารดาอีกเลยหลังจากที่พระนางถูกขับออกจากพระราชวัง
หลังจากนั้น 1 ปี องค์ชายยอนซันได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาท และทรงขึ้นครองราชย์เมื่อายุ 18 ปี ในรัชสมัยของพระองค์ได้เกิดการนองเลือดถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อพระองค์ครองราชย์ ได้เพียง 4 ปี มีการพูดถึงความชอบธรรมในการครองราชย์ของสายราชสกุลของพระองค์
ทำให้พระองค์ละเมิดกฎแผ่นดินที่มิให้กษัตริย์เปิดอ่านบันทึกของราชวงศ์ และคงค้นพบว่า การขึ้นครองราชย์ของเสด็จปู่ของพระองค์นั้น แท้จริงได้ยึดบัลลังก์มาจากหลานที่เป็นกษัตริย์อายุน้อย พระองค์จึงได้สั่งประหารหมู่เหล่าขุนนางที่นำเรื่องนี้มาโยงใยซึ่งรวมไปถึงครอบครัวของขุนนางเหล่านั้นด้วย...
ต่อมาในปี 1504 ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 10 เกิดเหตุการณ์สายลมแห่งเลือด ครั้งที่ 2 เมื่อพระองค์ค้นพบความจริงว่า พระราชมารดามิได้สิ้นพระชนม์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติแต่ถูกประหาร พระองค์จึงสั่งประหารหมู่เชื้อพระวงศ์ทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งชายหญิงและเด็กเล็กที่เป็นพี่น้องร่วมพระราชบิดา และขุนนางที่เกี่ยวข้องอีกนับร้อยคน...ในที่สุด 1 ปี ให้หลัง พระองค์ก็ถูกขุนนางก่อรัฐประหารและปลดจากบัลลังก์ ถูกเนรเทศไปเกาะคังฮวาและสิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน เมื่ออายุได้เพียง 29 ปี
ทำไมจึงมาเล่าเรื่ององค์ชายยอนซัน...เป็นเพราะ แหล่งข่าวผู้หลบหนีออกมาจากเกาหลีเหนือของเรา เปรียบเทียบว่า คิมจองอึนผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือเป็น "องค์ชายยอนซันกลับชาติมาเกิด" จากการที่เขาได้สังหารนายทหารในรุ่นบุกเบิกสร้างประเทศมากับปู่และบิดาของเขา รวมถึงอาเขย ญาติๆ และพี่ชายร่วมบิดา นั่นเอง...
เหตุการณ์สั่งประหารอาเขย "นายจางซองแท๊ก" และครอบครัวลูกหลานทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมหลายสิบคน รวมทั้งออกแถลงการณ์ประณามนายจางที่ใช้คำพูดดูถูกและเหยียดหยามประณามหมิ่นอย่างเลวร้ายที่สุด กับบุคคลที่เคยเป็นกำลังในการสร้างชาติให้กับตระกูลคิม เป็นเงื่อนงำอันน่าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในม่านหมอกหลังเส้นแบ่งเขตแดนเมื่อ 3 ปีก่อน ในขณะที่การลอบสังหาร "นายคิมจองนัม" พี่ชายร่วมบิดาของผู้นำเกาหลีเหนือนั้น น่าจะมีเหตุจูงใจอย่างไร ปริศนาทั้งหมดได้รับการเปิดเผยโดยแหล่งข่าวคนนี้เช่นกัน... n
(อ่านต่อฉบับหน้า)