ข้อคิดจากท้องถนนอินเดีย

06 มกราคม 2561

มาอยู่เมืองปูเน่ รัฐมหารัชตะ ประเทศอินเดีย ได้เกือบ 6 เดือน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังสร้างความอึดอัดใจให้เสมอ นั่นคือการจราจรบนท้องถนนของอินเดีย

โดย/ภาพ : อินทรชัย พาณิชกุล

 มาอยู่เมืองปูเน่ รัฐมหารัชตะ ประเทศอินเดีย ได้เกือบ 6 เดือน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังสร้างความอึดอัดใจให้เสมอ นั่นคือการจราจรบนท้องถนนของอินเดีย

 หลายคนคงทราบกันดีว่า การจราจรบนท้องถนนของคนอินเดียนั้นวุ่นวายและไร้ระเบียบเพียงใด ลองนึกภาพถนนที่เต็มไปด้วยรถประจำทาง รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์จำนวนมหาศาล ต่างคนต่างเบียด แทรก แซง ปาดกันไปมา

 โดยเฉพาะวัฒนธรรมการบีบแตรที่เรียกได้ว่าบีบกันแทบตลอดเวลา ส่งผลให้ท้องถนนเต็มไปด้วยเสียงแตรดังสนั่นหวั่นไหว

 ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่อินเดีย ผมเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถออโต้ริกชอร์ (ก็รถตุ๊กตุ๊กบ้านเรานี่แหละครับ) ได้เห็นสกิลการขับรถขั้นเทพ ทั้งปาด ทั้งแซง ทั้งย้อนศร ทั้งฝ่าไฟแดง ตื่นเต้นเร้าใจมากๆ

 ตอนนั้นยังขำออก ยังหัวเราะเฮฮากับบรรยากาศสุดป่วนในฐานะผู้โดยสารที่นั่งปลอดภัยอยู่บนเบาะหลัง แต่หลังจากผมตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาใช้เดินทางด้วยตัวเอง เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 เชื่อไหมครับ ครั้งแรกที่ขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนอินเดีย ระยะทางแค่ไม่ถึง 4 กิโลเมตรจากบ้านไปมหาวิทยาลัย ผมต้องจอดชิดซ้ายพักข้างทางถึงสามสี่ครั้ง เพื่อสงบจิตสงบใจให้เย็นลง

 โอ้โห! ไหนจะคลื่นมอเตอร์ไซค์หลายร้อยคันที่พุ่งมาจากข้างหลังราวน้ำป่า ต้องคอยมองกระจกหลัง เพราะไม่รู้ว่าจะมีรถเร่งเครื่องแซงมาจากทางไหนบ้าง สองหูต้องเงี่ยฟังเสียงบีบแตรจากทุกทิศทุกทาง ระแวดระวังเต็มที่ สองตาต้องมองข้างหน้าห้ามกะพริบ เพราะเดี๋ยวอาจเจอกับรถคันหน้าเบรกกะทันหัน

 อยากจะจอดก็ชิดซ้ายจอดดื้อๆ ยังไม่นับฝูงแพะ ม้า วัว ควาย ที่เดินขวางถนนเป็นปกติของที่นี่ ยิ่งตกกลางคืนยิ่งอันตราย ถนนหลายสายไร้ไฟฟ้า มืดมิด รถราต้องเปิดไฟสูงขับขี่กัน บรรยากาศอย่างกับช่วงเคอร์ฟิวในภาพยนตร์สงครามกลางเมือง

 การจราจรของอินเดียนั้น ถึงขนาดมีคนเคยพูดขำๆ ว่าต้องมี 3 Good ได้แก่ Good Horn Good Break และ Good luck

 เท่าที่สังเกต คนขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อก ทั้งที่ทางการรณรงค์กวดขันมาหลายปี ส่วนเรื่องการบีบแตรเคยได้ยินจากเพื่อนอินเดียว่า เป็นการบีบเพื่อให้สัญญาณ ฉันจะเลี้ยวซ้ายแล้วนะจ๊ะ จะเลี้ยวขวาแล้วนะจ๊ะ ฉันจะแซงแล้วนะจ๊ะ ฉันมาทางตรงระวังนะจ๊ะ

 ใครไม่บีบแตรในจังหวะที่ควรบีบ หากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้น คนไม่บีบอาจกลายเป็นคนผิด (ข้อนี้จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบแน่ชัด)

 และถ้าถามว่าแล้วตำรวจจราจรล่ะมีไหม ก็ต้องบอกว่ามี เห็นใส่เครื่องแบบสีขาวสะอาดออกมาโบกรถอำนวยความสะดวกจราจร บางทีเห็นตั้งด่านจับกุมแจกใบสั่งคนละเมิดกฎจราจรเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไม่ติดกระจก ซ้อนสาม ไม่สวมหมวกกันน็อก แต่กระนั้นก็ยังไม่เข้มงวดดุดันเท่าตำรวจจราจรบ้านเรา

 นอกจากความวุ่นวายไร้ระเบียบ สิ่งที่สร้างความแปลกใจในขณะเดียวกัน คือตั้งแต่มาอยู่อินเดีย ผมยังไม่เคยเห็นอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันจังๆ สักที ทั้งที่ในใจคิดว่าด้วยพฤติกรรมขับขี่รถแบบนั้น น่าจะมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุให้เห็นบ่อยๆ

 อีกเรื่องคือผมยังไม่เคยเห็นคนลงมาต่อยตีกันแม้แต่ครั้งเดียว เท่าที่เห็น เวลาเจอปาด เจอแซง เจอสอยตูด มีตั้งแต่มองหน้า โต้เถียงปะทะคารม ตะโกนด่ากัน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปตามทาง

 แตกต่างจากเมืองไทย สมัยนี้ผู้คนใจร้อนปานไฟ โหดเหี้ยมกันเหลือเกิน แค่เปิดไฟสูง บีบแตรใส่กัน เบรกกะทันหัน ก็พร้อมจะวิ่งลงมาตะลุมบอนกันแล้ว เลวร้ายที่สุดถึงขั้นฆ่ากันตายง่ายๆ ก็มีให้เห็นบ่อยๆ

 ทุกวันนี้ขอสารภาพว่า ทักษะการขับขี่รถบนถนนอินเดียของผมนั้นคล่องตัวขึ้นเยอะ ทำใจได้กับเสียงบีบแตร รู้จังหวะจะโคนเวลารถเบรกกะทันหัน หรือปาดหน้าปาดหลัง แซงซ้ายแซงขวา แต่ยังคงไปอย่างช้าๆ ระแวดระวัง

 ขณะเดียวกันก็เครียดน้อยลง มั่นใจมากขึ้น พูดง่ายๆ ว่าเจอถนนอินเดียเข้าไป กลับเมืองไทย เวลาขับรถคงใจเย็นลงเยอะ

 อย่างไรก็เถอะ หลายครั้งหลายหนเวลาขี่รถบนถนนอินเดียอันวุ่นวายไร้ระเบียบสุดๆ แต่แทบไม่มีอุบัติเหตุรถชนกัน หรือคนต่อยตีกันให้เห็น กับเวลานั่งอ่านข่าวท้องถนนเมืองไทยที่ขึ้นชื่อว่าเจริญก้าวหน้าทันสมัย มากด้วยรอยยิ้มและน้ำใจ แต่กลับปรากฏข่าวคนทำร้ายกัน แทบจะฆ่ากันรายวัน

 ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองเรา 

Thailand Web Stat