posttoday

แอร์เอเชียเอ็กซ์ผงาด บินตรงซัปโปโรทุกวัน

17 มกราคม 2561

ภูวดล โกมลรัตนเสถียรในปี 2561 ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ได้ตรวจพบข้อบกพร่องในการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของประเทศไทย และประกาศติดธงแดง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2558 ส่งผลกระทบต่อสายการบินของประเทศไทยที่ทำการบินไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งภาครัฐได้มุ่งมั่นแก้ปัญหาดังกล่าวจนสามารถปลดล็อกธงแดง แสดงถึงความเชื่อมั่นของ ICAO และหลายประเทศ

ภูวดล โกมลรัตนเสถียร

ในปี 2561 ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ได้ตรวจพบข้อบกพร่องในการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของประเทศไทย และประกาศติดธงแดง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2558 ส่งผลกระทบต่อสายการบินของประเทศไทยที่ทำการบินไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งภาครัฐได้มุ่งมั่นแก้ปัญหาดังกล่าวจนสามารถปลดล็อกธงแดง แสดงถึงความเชื่อมั่นของ ICAO และหลายประเทศ

นัดดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจสายการบินในปีนี้มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากหลายสายการบินเริ่ม ตื่นตัวมากขึ้น และมีแผนเตรียมขยาย เส้นทางบินใหม่ไปยังจุดหมายปลายทาง อื่นๆ มากขึ้น หลังจาก ICAO ได้ประกาศปลดธงแดงการบินประเทศไทย จากนี้ จะมีการแข่งขันทั้งด้านการบริการและราคา เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว และสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้โดยสาร

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ ล่าสุด ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ได้กลับมาให้บริการเส้นทางดอนเมือง-ซัปโปโร เมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง นับเป็นเส้นทางแรกของบริษัท เนื่องจากเกาะฮอกไกโดเป็นจุดหมายปลายทาง ที่มีศักยภาพสูงและเป็นที่นิยมสำหรับคนไทย

จากสถิติคนไทยที่เดินทางไป ท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดยเดินทางมายัง ฮอกไกโดมากเป็นลำดับที่ 2 รองจากโตเกียว เพราะสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวมีเสน่ห์และความสวยงามที่แตกต่างกัน และมีจุดเด่นเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะปูยักษ์ทาราบะ รวมถึงกิจกรรมในคอนเซ็ปต์ "กินปู ดูหมี เล่นสกี ชมลาเวนเดอร์" โดยซัปโปโรใช้เวลาบินตรงจากกรุงเทพฯ ประมาณ 7 ชั่วโมง

ทั้งนี้ จะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2561 เป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,990 บาท/เที่ยว สามารถจองได้ตั้งแต่วันที่ 18-28 ม.ค.นี้ และเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-27 ต.ค. 2561 นอกจากนี้ผู้โดยสารที่ต้องการเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางสามารถ เลือกใช้บริการที่นั่งแบบพรีเมียมแฟลตเบดราคาเริ่มต้น 1.29 หมื่นบาท/เที่ยว โดยคาดการณ์ว่าในเส้นทางดอนเมือง-ซัปโปโรจะมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารกว่า 80%

สอดคล้องกับ ทะคุยะ ชิระอิชิ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย หรือเจเอ็นทีโอ กล่าวว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมายอดนักท่องเที่ยว ต่างชาติเดินทางไปญี่ปุ่นขยายตัวกว่า 19.3% หรือ 28.69 ล้านคน ซึ่งจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยถึง 9.8 แสนคน ขยายตัว 9.5% โดยเลือกการท่องเที่ยวในเมืองโตเกียวเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ ฮอกไกโด และโอซากา ตามลำดับ

ขณะที่ในปี 2561 หลังจากแอร์เอเชียเอ็กซ์ได้เปิดให้บริการเส้นทางการบินตรงซัปโปโรทุกวันจะช่วยให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวฮอกไกโดมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็น 1 ล้านคน ในปีนี้

พร้อมกันนี้ เจเอ็นทีโอ มีแผนจัดงานประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นในตลาดไทยมากยิ่งขึ้นตลอดทั้งปีนี้ อาทิ งานเที่ยวญี่ปุ่น ณ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 19-21 ม.ค. ที่เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ งานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 7-11 ก.พ. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดย เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวจากแต่ละจังหวัด การรถไฟ โรงแรม และผู้ประกอบการร้านค้าจากญี่ปุ่นร่วมออกบูธกว่า 104 บูธ พร้อมจะทำแผนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ เช่น เมือง โทโฮคุ โอกินาวา และฮอกไกโด เพื่อ ให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางกลับมา ท่องเที่ยวซ้ำในเมืองอื่นๆ เพิ่ม โดยปัจจุบันมีสัดส่วนสูงถึง 60-70%

ชิระอิชิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2563 ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 หรือโตเกียว 2020 ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานได้เตรียมการทั้งด้านข้อมูล เอกสาร ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ พร้อมต้องการให้มีภาษาไทย เพื่อแชร์ข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยว และมีการก่อสร้างโรงแรมหลายแห่งให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งเป้ามียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคน

ท้ายนี้ นัดดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ตั้งเป้าจำนวน ผู้โดยสารที่ 2.2 ล้านคน สูงกว่าปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสาร 1.6 ล้านคน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้มีกำไรเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิกว่า 40 ล้านบาท และในปี 2560 ยังมีกำไรที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะสามารถทำได้แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 9,300 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีแผนเปิดเส้นทาง บินใหม่ โดยจะเน้นแถบเอเชียเหนือในญี่ปุ่น มองจุดหมายใหม่ ได้แก่ เมืองฟูกุโอกะ นาโกยา เซ็นได เกาหลี ที่ ปูซาน และจีน ในเมืองฮาร์บิน ซึ่งจะ เน้นเมืองที่บินมากกว่า 4 ชั่วโมง และเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยอัตราส่วน บรรทุกผู้โดยสารในญี่ปุ่นทั้งโตเกียวและ โอซากาสูงถึงกว่า 80%

"ขณะนี้เรากำลังพิจารณาว่า หากในปี 2561 การเปิดเส้นทางบินใหม่ในเอเชียเหนือจะส่งผลให้บริษัทมีกำไรเติบโตขึ้น และเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง ซึ่งจะได้เวลาแล้วหรือยังที่จะพิจารณาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ" นัดดา กล่าว