ซุนยัดเซ็นในฐานะเพื่อนผู้ทรยศ
ซุนยัดเซ็น คือผู้นำการปฏิวัติจีนใหม่ ในบ้านชาวจีนกว่าร้อยปีที่แล้วส่วนใหญ่มีรูปซุนยัดเซ็นติดผนังเอาไว้ เพื่อเคารพ เทิดทูน และหรือบูชา
ซุนยัดเซ็น คือผู้นำการปฏิวัติจีนใหม่ ในบ้านชาวจีนกว่าร้อยปีที่แล้วส่วนใหญ่มีรูปซุนยัดเซ็นติดผนังเอาไว้ เพื่อเคารพ เทิดทูน และหรือบูชา ทุกวันนี้ไม่ว่าไต้หวันหรือจีนแผ่นดินใหญ่ ล้วนนับถือเขาเป็นบิดาแห่งจีนใหม่ทั้งสิ้น แม้หลังปฏิวัติจะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองตามมามากมาย แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ว่าเขาคือกุญแจดอกสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
คุณูปการและความดีงามของบุคคลสำคัญอย่างซุนยัดเซ็นหาอ่านได้ง่าย แต่จะดีงามยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ยังมีด้านมืดให้พูดถึง หนึ่งในด้านมืดของเขา คือเหตุการณ์ทรยศต่อผู้ที่เคยช่วยเหลือการปฏิวัติ ในปี ค.ศ. 1912 ที่ซุนยัดเซ็นได้เป็นประธานาธิบดี (ชั่วคราว) คนแรกของจีน นอกจากพรรคปฏิวัติของเขาที่ยินดีปรีดาแล้ว ที่ยินดียิ่งกว่าคือสมาคม (ลับ) หงเหมิน
สมาคมหงเหมินก่อตั้งจากอุดมการณ์ต้านราชวงศ์ชิงฟื้นราชวงศ์หมิง โดยผู้คนในแถบฮกเกี้ยนและกว่างตง มีกำเนิดมากว่า 200 ปีก่อนหน้าซุนยัดเซ็น สมาคมหงเหมินมีอุดมการณ์ มีความยาวนาน แต่ก็มีความหลากหลาย ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งมีกลุ่มชนชั้นล่างซึ่งไม่พอใจสภาวะบ้านเมืองเข้าร่วมสมาคมนี้มากมาย ในขณะที่รวมตัวเพราะจะล้มราชวงศ์ชิงให้ได้ อีกด้านจึงทำตัวเป็นแก๊งอิทธิพลมืดไปในตัว
สมาคมหงเหมินเป็นที่รู้จักกันในนามพรรคฟ้าดิน หรือในไทยรู้จักกันดีในชื่อ “อั๊งยี่” นั่นเอง แล้วทำไมกลุ่มอิทธิพลมืดจึงดีใจที่ซุนยัดเซ็นได้เป็นประธานาธิบดี...คำตอบคือเพราะซุนยัดเซ็นเป็นหนึ่งในพี่น้องของสมาคมหงเหมิน เนื่องจากช่วงแรกที่ซุนยัดเซ็นมีอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงสังคม เขาเริ่มต้นทีละขั้น จากส่งจดหมายเปิดผนึกให้ราชสำนักชิงปฏิรูปการเมือง เมื่อไม่สำเร็จจึงชักชวนคนปฏิวัติไปทั่ว แต่บ่อยครั้งกลับถูกเมินเฉย และปฏิเสธ
ใครจะหาเรื่องโดนประหารเจ็ดชั่วโคตรกันง่ายๆ... ชีวิตนักปฏิวัติของเขาจึงเริ่มด้วยขวากหนามไม่น้อย จนในปี 1904 เมื่อซุนยัดเซ็นเข้าร่วมสมาคมหงเหมิน สมาคมจึงช่วยสนับสนุนอุดมการณ์ปฏิวัติของเขา เพราะมีจุดร่วมเดียวกันก็คือล้มล้างราชวงศ์ชิง ช่วงก่อนปฏิวัติสำเร็จ เขาขอระดมทุนจากสมาคมถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นดอลลาร์สหรัฐ เงินจำนวนนี้ในสมัยนั้นมากขนาดที่หลายครอบครัวในสมาคมหงเหมินยอมสิ้นเนื้อประดาตัว
ท่อน้ำเลี้ยงทุ่มหมดตัก ซุนยัดเซ็นก็ยินดีใช้หมดตัว พอปฏิวัติสำเร็จ เงินที่เขาได้มาก็หมดสิ้น เมื่อเดินทางเข้าจีนมารับตำแหน่งที่เซี่ยงไฮ้ กองกำลังปฏิวัติต่างมาเฝ้ารับเขาที่ท่าเรือ คิดว่าเขาจะมาพร้อมน้ำเลี้ยงมากมายจากชาวจีนโพ้นทะเล แต่ซุนยัดเซ็นประกาศกับนักข่าวในก้าวแรกที่ลงเรืออย่างแมนๆ ว่า “ข้าพเจ้าหาได้นำเงินทองกลับมาไม่ แต่สิ่งที่นำกลับมาคืออุดมคติแห่งการปฏิวัติ!!” จังหวะนั้นทุกคนก็ได้แต่เฮตามวีรบุรุษไป... และนั่นไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่เงินหมดไปแล้วจริงๆ
ที่จริงก่อนหน้านั้นสมาคมหงเหมินยังช่วยซุนยัดเซ็นอีกครั้งใหญ่ ด้วยการทุ่มทุนส่งโทรเลขให้กับบรรดาชาวจีนทั้งในและนอกประเทศ เพื่อโปรโมทและสนับสนุนให้ทุกคนรู้ว่าซุนยัดเซ็นเท่านั้นที่ควรเป็นประธานาธิบดี โทรเลขย่อมไม่ใช่ไลน์หรือวอตส์แอพที่ให้ใช้ฟรี สมาคมหงเหมินทุ่มทุนไปหนึ่งพันตำลึงเงิน ประดุจแฟนคลับส่งแมสเสจโหวตให้นักล่าฝันก็ไม่ปาน เขาจึงได้เป็นประธานาธิบดีในเบื้องต้น เพื่อเริ่มจัดการบ้านเมืองตามอุดมการณ์ที่วาดไว้
สมาคมหงเหมินก็ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนจากเขา ยกเว้นขอให้สมาคมลับได้ตั้งหลักและล้างมลทินจากสมาคมใต้ดินกลายเป็นสมาคมที่รัฐบาลรับรองว่าถูกกฎหมายก็เพียงพอ ปี 1912 หวงซานเต๋อ-ตัวแทนสมาคมหงเหมินจากสหรัฐ และถือว่าเป็นสหายร่วมปฏิวัติจึงเดินทางมาที่จีนเพื่อขอความช่วยเหลือจากซุนยัดเซ็น ซุนยัดเซ็นรับคำ แต่บอกว่าขอสะสางภารกิจประธานาธิบดีสดๆ ร้อนๆ ก่อน แล้วโยนเรื่องให้ไปคุยกับมือขวาของเขาที่ดูแลกว่างตงแทน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หวงซานเต๋อทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายทางกว่างตงกลับปฏิเสธไม่ทำตามข้อเสนอของสมาคมหงเหมิน หวงซานเต๋อร้อนทั้งใจร้อนทั้งหัว “ตอนปฏิวัติใช้เงินพวกเรา พอสำเร็จก็ทำลืมกันเลยใช่ไหม!”... “ใช่ ทางเราช่วยอะไรแบบนี้ไม่ได้!” ตัวแทนฝั่งกว่างตงตอบ หวงซานเต๋อตบโต๊ะฉาดใหญ่ ขอทวงเงินที่เคยช่วยไปทั้งหมดคืน!
ซุนยัดเซ็นและลูกมือยังคงโยนเรื่องไปมา จนทำเอาหวงซานเต๋อยอมแพ้ ถอดใจไม่ขอเอาเงินคืน แต่งบเดินทางของสมาคมหมดไปแล้ว อย่างไรเพื่อเห็นแก่น้ำใจก็ขอค่าตั๋วเรือกลับสหรัฐก็ยังดี แต่เขาก็ยังปฏิเสธ
ซุนยัดเซ็นถือว่าเงินทองที่ได้มา ถือว่าช่วยในภารกิจล้มล้างวงศ์ชิงได้สำเร็จแล้วนับว่าหายกัน เส้นทางต่อจากนี้แต่ละคนต้องคิดหาทางกันเอาเอง ซุนยัดเซ็นเป็นคนทรยศหักหลัง แต่เป็นเช่นนั้นจริงหรือ คำตอบแคบๆ สั้นๆ ในมุมมองของมิตรภาพคือจริง แต่ซุนยัดเซ็นก็มีเหตุผลของเขา...
เพราะแท้จริงการปฏิวัติสำเร็จลงได้ ไม่ใช่เพียงเพราะความช่วยเหลือจากสมาคมหงเหมินอย่างเดียว กลุ่มอิทธิพลมืดน้อยใหญ่ภายในแผ่นดินต่างก็เป็นกำลังสำคัญทั้งสิ้น และในเมื่อคือการปฏิวัติ ขอแค่มีอุดมการณ์ล้มล้างสิ่งเดียวกัน ย่อมนับเป็นสหายได้ แต่เมื่อล้มล้างสำเร็จ ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจวิธีสร้างระบอบใหม่ในทางเดียวกัน กลุ่มสมาคมลับใต้ดินหลายต่อหลายสำนัก ยังคิดไปว่าตนจะต้องได้รับส่วนแบ่งกันบ้าง
หลังปฏิวัติสำเร็จใหม่ๆ จึงเต็มไปด้วยขบวนการแห่แหนของพรรคใต้ดินที่เคยช่วยเหลือซุนยัดเซ็น หลายกลุ่มหลายกองไม่ได้ยินดีกับสังคมใหม่เท่ากับยินดีที่มีเส้นสายและเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชนะ บางก๊วนถึงกับคิดไปว่า จะได้แบ่งแผ่นดินมาปกครองกับเขาบ้าง กลุ่มใต้ดินจำนวนไม่น้อย จึงกล้าขึ้นมาบนดินเปิดตัว เที่ยวกร่างทั้งแผ่นดิน คิดจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งใหญ่ จำต้องใช้พลังมหาศาล
แต่หลังก่อการสำเร็จแล้วตามมาด้วยความเกรงอกเกรงใจและการตอบแทนบุญคุณ มันจะต่างอะไรกับการพาบ้านเมืองเข้าสู่วงจรอีหรอบเดิม เช่น ในยุคราชวงศ์ที่ไม่ว่าคนขายหมูหรือคนทอเสื่อขาย หากช่วยกันล้มล้างราชวงศ์เก่าลงได้ ก็พร้อมจะแบ่งแผ่นดินให้ปกครอง หากยังเป็นเช่นนี้บ้านเมืองจะก้าวหน้าไปได้อย่างไร
ซุนยัดเซ็นเคยกล่าวไว้ “หลังจากปฏิวัติประเทศใหม่ สมาคมลับต่างๆ กลับเคลื่อนไหวในทิศทางที่ข้าพเจ้าไม่ได้หวังไว้” เขาจึงเลือกจะปราบปราม และตัดขาดกับทุกสมาคมลับอย่างไร้เยื่อใย และแม้ผู้ใหญ่ในสมาคมหงเหมินจะดูมักน้อยเพียงไร แต่โดยข้อเท็จจริงคือสมาชิกสมาคมจำนวนมากยังเป็นกลุ่มอันธพาลที่พร้อมจะไม่เข้าใจระเบียบของจีนใหม่ตลอดเวลา และหากยอมให้สมาคมหนึ่งแล้ว สมาคมลับที่เหลือจะทำอย่างไรย่อมคาดเดาได้
ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ต่อมาหลังจากนั้นซุนยัดเซ็นเกิดเรื่องแตกหักกับหยวนซื่อข่ายจนต้องหนีไปที่ญี่ปุ่น สิ่งแรกที่เขาทำคือเข้าไปขอเงินสนับสนุนการต่อสู้หยวนซื่อข่ายกับสมาคมหงเหมินอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาถูกปฏิเสธพร้อมคำต่อว่าอย่างเจ็บแค้น แต่ซุนยัดเซ็นไม่สนใจ และตามขอทุนสนับสนุนจากที่อื่นๆ ต่อไป ซุนยัดเซ็นถือว่าตนเองทำตามอุดมคติเพื่อประเทศ อะไรที่จำเป็นต้องทำ ก็พร้อมจะทำให้เต็มที่ไม่มีขวยเขิน
ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่คนส่วนใหญ่ยังตามความเปลี่ยนแปลงไม่ทัน (แม้กระทั่งฝ่ายสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ) จึงมักปรากฏด้านที่เยือกเย็นไร้เยื่อใย และดูไปคล้ายการทรยศหักหลังในบุญคุณเก่าก่อน เพราะหากการเปลี่ยนแปลงตามมาด้วยความพยายามเอาอกเอาใจสหายร่วมปฏิวัติทั้งหลาย ผลสุดท้ายยอมวนอยู่กับที่ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย เลือกที่จะให้ประวัติศาสตร์ก้าวไปข้างหน้า บางครั้งจึงต้องแลกมาด้วยความเย็นชาในบุญคุณ