สุขสันต์ ยศะสินธุ์ หลักเมตตาทำให้คิดบวก
สุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ถือหุ้นและผู้ก่อตั้ง บริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) วัย 57 ปี
โดย บงกชรัตน์ สร้อยทอง
สุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ถือหุ้นและผู้ก่อตั้ง บริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) วัย 57 ปี ปัจจุบันเป็นบริษัทลงทุนบริหารสินทรัพย์และติดตามทวงถามหนี้ มีกำหนดที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ในวันที่ 22 มี.ค.นี้
ผู้บริหารคนนี้ผ่านการทำงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เป็นเจ้าพนักงานข่าวของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ พนักงานธนาคารฝ่ายตรวจสอบฝ่ายบัตรเครดิต โดยสิ่งที่ทำควบคู่มาพร้อมกันเสมอคือการเป็นนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์มาตลอด
ก่อนเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เริ่มเห็นสัญญาณการฟุบตัวของอสังหาริมทรัพย์ จากที่เคยเป็นหนี้และมีความตั้งใจเข้าไปขอเจรจากับธนาคารจนสามารถปลดหนี้อย่างถูกวิธี จึงตัดสินใจมาเปิดสำนักงานกฎหมายและไปรับงานจากธนาคารเพื่อติดตามเร่งรัดหนี้สินให้ เพราะมีประสบการณ์และอยากบอกวิธีการนี้ให้ทุกคนได้รับรู้ เพราะจะทำให้เครดิตกลับมา
แรกเริ่มขอธุรกรรมกับธนาคารขนาดใหญ่ก่อนค่อยขยายไปยังธนาคารต่างประเทศ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นคือบริษัทสามารถจัดเก็บหนี้ได้สูงกว่ารายอื่น เนื่องจากมีการจัดเก็บข้อมูลและการเข้าถึงลูกค้าที่ดี เพราะนำเหตุผลเข้าประกอบและทำให้เห็นว่าหากลูกค้าจ่ายหนี้จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งเป็นยุคแรกที่ลูกค้ามักจะประนอมหนี้และไม่สู้คดีมากนัก
เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวปี 2547 ลูกค้าเริ่มมีการต่อรองหรือมีการนำนักกฎหมายเข้ามาสู้ แต่สิ่งที่บริษัทเน้นคือการใช้เหตุผลและข้อเท็จจริงประกอบว่าปัจจุบันดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18% แต่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมเพราะช่วงเศรษฐกิจไม่ดีจะเก็บดอกเบี้ยถึง 25% จึงแนะว่าควรนำหนี้ดีไปกลบหนี้เสีย เพราะช่วงนั้นการก่อหนี้จะก่อตัวเร็ว แต่ลูกค้าจะชำระเร็วขึ้นด้วย
“ผ่านมาหลายสิบปี ผ่านวงจรเศรษฐกิจมาหลายครั้ง แต่ทุกช่วงของวิกฤตทำให้เห็นว่ามีหนี้เกิดขึ้นเสมอ แต่ต้องมีวิธีการและบริบทในการดำเนินการที่หลากหลาย จากที่แรกเริ่มเก็บหนี้ปีละ 100 ล้านบาท จนปัจจุบันเฉลี่ยเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้นมาปีละ 1,000 ล้านบาท”
จนกระทั่งปี 2554 ได้ใบอนุญาตบริหารสินทรัพย์ 2557 เป็นจุดเริ่มต้นที่เข้าซื้อหนี้ของสถาบันการเงินทั้งที่มีหนี้ในหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ซึ่งเริ่มเป็นทางเลือกที่ทำให้ต้องตัดสินใจที่จะขายหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกไป เพื่อนำเงินทั้งหมดของเขามาลงทุนใน CHAYO เพราะธุรกิจซื้อหนี้ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก และปี 2559 ก็ทำให้เกิดทำธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ที่จะมาช่วยในการบริการยกคุณภาพการติดตามและซื้อหนี้มาแล้ว ยังสามารถที่จะขยายไปรับงานโฆษณาประชาสัมพันธ์และการตอบคำถามใยการขายของหรือโฆษณาให้กับลูกค้าเอกชนรายอื่นได้อีก
การที่บริษัทขยายงานเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้บริษัทมีการวางแผนที่เข้า mai เพราะตั้งแต่ทำธุรกิจมาเพิ่งเริ่มกู้เงินธนาคารได้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้มีแต่นำเงินส่วนตัวและผู้ถือหุ้นเข้ามาดำเนินการ อีกทั้ง จะทำให้การกำกับกิจการดีขึ้น และยังจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาคุยกับธนาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เช่น ในการซื้อพอร์ตหนี้เพิ่ม
สิ่งที่บริษัทเน้นในการดำเนินงานคือ ต้องหาลูกค้าให้เจอซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดในจุดเริ่มต้น จากนั้นต้องพูดคุย เจรจาหว่านล้อม และเสนอส่วนลดเพื่อที่จะทำให้เขากลับมามีเครดิตหรืออิสรภาพทางการเงินได้ ในหลักการดำเนินงานคือ ต้องมีวิธีการสื่อสารกับลูกค้าและทำให้พนักงานมีการปรับทัศนคติในการทำงานที่ต้องเข้าใจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าจ้าง บริษัท และลูกค้า
ปัจจุบันท่ามกลางผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลจะมีการออกกฎใหม่เพิ่มขึ้น บริษัทจำเป็นต้องสื่อสารกับพนักงานให้เข้าใจมากที่สุด เพราะการปรับเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากให้เกิดขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งมีเหตุผลเสมอ
สำหรับหลักการทำงานของผู้บริหารคนนี้คือความเมตตา เพราะเป็นงานที่ต้องติดต่อกับคนที่เป็นหนี้ ต้องให้พนักงานปรับมุมมองการทำงานที่ต้องพยายามให้เห็นว่าลูกหนี้คือลูกค้าของบริษัทให้ได้ หรือคิดว่าลูกค้าคือเพื่อน ซึ่งจะทำให้ปรับน้ำเสียง ปรับจังหวะการพูด ซึ่งลูกค้าก็รู้สึกดี