posttoday

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (55)

11 มีนาคม 2561

อันเรื่องทรงม้า เล่ากันว่า พระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดนัก ประทับอยู่พระบวรราชวังเสด็จทรงม้าเล่าในสนามไม่ขาด

โดย วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (55)

อันเรื่องทรงม้า เล่ากันว่า พระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดนัก ประทับอยู่พระบวรราชวังเสด็จทรงม้าเล่าในสนามไม่ขาด บางทีก็ทรงคลี บางทีเวลากลางคืนให้เล่นขี้ม้าซ่อนหา วิธีเล่นนั้นให้มีคนขี่ม้าตะพายย่ามติ้ว แต่งตัวเหมือนกับคนอยู่โยงอีกคนหนึ่ง คนขี่ม้าต้องได้ติ้วก่อนจึงจะเข้าโยงได้ความสนุกอยู่ที่รู้ไม่ได้ว่าม้าไหนเป็นม้าติ้ว และม้าไหนเป็นม้าอยู่โยง เพราะแต่งตัวเหมือนกัน บางทีคนขี่ม้าติ้วแกล้งไล่ ผู้ที่ไม่รู้หลงหนีเลยเข้าโยงไม่ได้ก็มี เล่ากันว่าสนุกนักบางทีก็ถึงทรงม้าเข้าล่อช้างน้ำมัน ครั้งหนึ่งว่าทรงม้าผ่านตัวโปรดขึ้นระวางเป็นเจ้าพระยาสายฟ้าฟาด เข้าล่อช้างพลายแก้วซึ่งขึ้นระวางเป็นพลายไฟภัทกัลป์เวลาตกน้ำมัน พอช้างไล่ทรงกระทบพระบาทจะให้ม้าวิ่ง ม้าตัวนั้นเป็นม้าเต้นน้อยดีไปเต้นน้อยเสียเล่ากันว่าวันนั้นหากหมออาจ ซึ่งเป็นหมอตัวดีขี่พลายแก้ว เอาขอฟันที่สำคัญเหนี่ยวพลายแก้วไว้อยู่โดยฝีมือ อีกนัยหนึ่งว่า ปิดตาช้างแล้วเบนไปเสียทางอื่นทัน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงไม่เป็นอันตราย เห็นจะเป็นเพราะเหตุที่โปรดการทแกล้วทหารและสนุกคะนองต่างๆ  จึงเกิดเสียงกระซิบลือกันว่าพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวิชาอาคม บางคนว่าหายพระองค์ได้ บ้างว่าเสด็จลงเหยียบเรือกำปั่นฝรั่งเอียงก็มีกระบวนทรงช้างก็ว่าแข็งนัก ของที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดทรงแล่น ที่เล่าลือกันอีกอย่างหนึ่งก็แอ่วลาว ว่าทรงได้สันทัดทั้งแคนทั้งแอ่ว คำแอ่วเป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีปรากฏอยู่จนบัดนี้หลายเล่มสมุดเซอร์ ยอน เบาริง ราชทูตอังกฤษ เข้ามากรุงเทพฯ แต่งหนังสือกล่าวไว้ว่า เมื่อวันพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเลี้ยงนั้น เมื่อเสร็จการเลี้ยงแล้วทรงแคนให้ฟัง เซอร์ ยอน เบาริง ชมไว้ในหนังสือว่าทรงเพราะนัก

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (55)

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จดำรงราชสมบัติอยู่ 15 ปี ในตอนปลายเกิดวัณโรคขึ้นภายในพระองค์ มีพระอาการประชวรเสาะแสะมาหลายปี ต้องเสร็จไปเที่ยวรักษาพระองค์ตามเมืองเนืองๆ กล่าวกันว่ามักเสด็จไปประทับตามถิ่นที่มีบ้านลาว เพราะโปรดแอ่วลาว เสด็จไปประทับที่บ้านสัมปะทวน แขวงจังหวัดนครไชยศรีบ้าง ทางเมืองพนัสนิคมบ้าง แต่ไปประทับที่ตำหนักบ้านสีทา แขวงจังหวัดสระบุรีโดยมาก จนปีฉลู จุลศักราช 1227 ปี 2408 พระอาการที่ประชวรหนักลงต้องเสด็จกลับกรุงเทพฯ และในเดือนยี่ ปีฉลู สัปตศกนั้น เป็นกำหนดพระฤกษ์จะได้ทำการพระราชพิธีโสกันต์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่าสมเด็จพระอนุชาธิราชประชวรมากอยู่ จะโปรดให้เลื่อนงานโสกันต์ไป ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กราบทูลขออย่าให้เลื่อนงานว่า พระองค์ประชวรมากอยู่แล้วจะไม่ได้มีโอกาสสมโภช จึงต้องโปรดให้คงงานไว้ตามพระฤกษ์เดิม

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (55)

ครั้นถึงงานพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวดำรัสสั่งให้เจ้าพนักงานเตรียมกระบวน จะเสด็จลงมาจรดพระกรรไกรพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ต้องรับสั่งให้ทอดที่ราชอาสน์เตรียมไว้รับเสด็จตามเคย ทั้งทรงทราบอยู่ว่าพระอาการมากจะไม่เสด็จลงมาได้โดยจะมิให้สมเด็จพระอนุชาธิราชโทมนัสน้อยพระทัย ด้วยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาก เคยได้ยินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสเล่าว่า เมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่นั้น เสด็จขึ้นไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อใดมักดำรัสเรียกเข้าไปให้ใกล้แล้วยกพระหัตถ์ลูบรับสั่งว่า “เจ้าใหญ่นี่แลต่อไปจะเป็นที่พึ่งของญาติได้”

ในเวลาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวประชวรหนักนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปทรงรักษาพยาบาลทั้งกลางวัน กลางคืน ประชวรมาจนวันอาทิตย์ เดือนยี่ แรม 6 ค่ำ พอเป็นวันสุดงานพระพิธีโสกันต์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จสวรรคตที่พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พระชนมายุได้ 58 พรรษา การพระศพโปรดให้เรียกว่าพระบรมศพ จัดเหมือนอย่างพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทุกอย่าง เว้นแต่มิได้ประกาศให้คนโกนหัวไว้ทุกข์ทั้งเมือง เป็นแต่ที่มีสังกัดในพระบวรราชวัง เหมือนอย่างกรมพระราชวังบวรฯ แต่ก่อนมา

เมื่อทรงพระประชวรหนักใกล้จะเสด็จสวรรคต ไม่ได้ทรงสั่งการอันหนึ่งอันใดให้ลำบากพระราชหฤทัย ไว้วางพระราชอัธยาศัยแสดงการทรงเชื่อถือเป็นหนึ่งว่า สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชซึ่งดำรงยุติธรรม จะทรงพระราชดำริแล้วดำรัสการทุกสิ่งทุกอย่าง สมควรแก่เหตุผลโดยยุติธรรมและราชการแผ่นดินไม่ต้องทรงพระวิตก เพราะเคยเห็นการที่ชอบเป็นมาแล้วแต่หลังนั้นเป็นอันมาก

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (55)

ครั้นถึงปีขาล ปี 2409 โปรดให้ทำพระเมรุที่ท้องสนามหลวงตามแบบอย่างพระเมรุพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน และจัดการแห่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำนองครั้งกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ในรัชกาลที่ 2 แต่เพิ่มเติมพระเกียรติยศพิเศษขึ้นเป็นหลายประการ

ปรากฏรายการพระเมรุครั้งนั้นว่า ณ เดือน 3 ขึ้น 4 ค่ำ เชิญพระบรมธาตุแห่แต่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยในพระบวรราชวัง ออกประตูมหาโภคราช และประตูบวรยาตราด้านตะวันออก มาสมโภชที่พระเมรุวันกับคืนหนึ่ง แห่พระบรมธาตุกลับแล้ว ถึงเดือน 3 ขึ้น 6 ค่ำ เพลาบ่าย 2 โมง เชิญพระบรมศพแห่ออกประตูโอภาสพิมานชั้นกลางด้านเหนือ และประตูพิจิตรเจษฎาด้านตะวันตกพระบวรราชวัง ไปถึงตำหนักแพ เชิญพระบรมโกศประดิษฐานเหนือพระแท่นแว่นฟ้าในเรือพระที่นั่งกิ่งไกรสรสุข แห่ล้อมลงมาประทับที่พระราชวังเดิม ด้วยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประทับอยู่ตลอดเวลาในรัชกาลที่ 3

มีมหรสพสมโภชคืนหนึ่ง ครั้งเวลาดึกเคลื่อนเรือพระบรมศพมาประทับที่ท่าฉนวนวัดพระเชตุพนรุ่งขึ้น ขึ้น 6 ค่ำ เวลาเช้าแห่กระบวนน้อยไปยังที่ตั้งกระบวนใหญ่ที่ถนนสนามไชย เชิญพระบรมโกศขึ้นพระมหาพิชัยราชรถแห่ไปยังพระเมรุมาศทรงบำเพ็ญพระราชกุศลและมีมหรสพสมโภช 7 วัน แล้วพระราชทานเพลิงเมื่อขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3 เมื่อเสร็จการสมโภชพระบรมอัฐิแล้วโปรดให้เชิญไปประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ที่ในพระบวรราชวัง

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (55)

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตนั้น วังหน้าผิดกับเวลาเมื่อกรมพระราชวังบวรฯ รัชกาลที่ 2 ที่ 3 สวรรคตหลายอย่าง เป็นต้นว่า พระราชวังบวรฯ ที่เคยชำรุดทรุดโทรม พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ให้กลับบริบูรณ์ดีแล้วทั้งข้างหน้าข้างในทั่วไป และเจ้านายฝ่ายในพระบวรราชวังก็มีมากขึ้น มีพระองค์เสด็จอยู่ทั้ง 4 รัชกาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า ไม่ควรจะทิ้งพระบวรราชวังให้เป็นวังร้างว่างเปล่าเหมือนอย่างแต่ก่อน และตามประเพณีครั้งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเสด็จไปประทับอยู่วังหน้าก็เคยมีดังกล่าวมาแต่ก่อนแล้วจึงเสด็จขึ้นไปประทับเป็นประธานในพระบวรราชวังเนืองๆ  บางทีก็เสด็จไปเยี่ยมเฉพาะเวลาบางทีประทับแรมอยู่ก็มีบ้าง และเวลานั้นมีเก๋ง พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระวิสูตรวารี (มลิ) สร้างถวายตรงหน้าพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ยังค้างอยู่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อมาจนสำเร็จ ขนานนามว่า “พระที่นั่งบวรบริวัติ” เป็นที่ประทับเวลาเสด็จไปอยู่พระบวรราชวัง ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ แต่ต่อมาดำรัสว่าที่พระที่นั่งบวรบริวัติถูกแดดบ่ายร้อนจัดนัก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างตึกอีกหลังหนึ่งต่อไปข้างเหนือ การยังไม่สำเร็จจนตลอดรัชกาลที่ 4

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโอรสและพระราชธิดาที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดารวมทั้งสิ้น 58 พระองค์ โดยประสูติก่อนบวรราชาภิเษก 33 พระองค์ และประสูติหลังจากบวรราชาภิเษก 25 พระองค์ ซึ่งมีรายพระนามเรียงตามพระประสูติกาล

บวรราชสกุล ในวังหน้า-พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มี 11 สกุล

1.สุธารส พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุธารส ทรงเป็นต้นราชสกุล สุธารส ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าหญิง 1 พระองค์ 

2.วรรัตน์ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรัตน์ กรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล วรรัตน์ ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 15 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 10 พระองค์       

3.ภาณุมาศ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุมาศ ทรงเป็นต้นราชสกุล ภาณุมาศ ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 4 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 1 พระองค์  

4.หัสดินทร พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหัสดินทร์ กรมหมื่นบริรักษ์นรินทรฤทธิ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล หัสดินทร ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 2 พระองค์  

5.นวรัตน พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเนาวรัตน์ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล นวรัตน ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 7 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 5 พระองค์  

6.ยุคนธรานนท์ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายุคนธร ทรงเป็นต้นราชสกุล ยุคนธรานนท์ ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 2 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 4 พระองค์  

7.โตษะณีย์  พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโตสินี ทรงเป็นต้นราชสกุล โตษะณีย์ ณ อยุธยา      

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 6 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 10 พระองค์

ลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ

สามัญชน 2 พระองค์

8.นันทวัน พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านันทวัน ทรงเป็นต้นราชสกุล นันทวัน ณ อยุธยา     

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 2 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 1 พระองค์  

9.พรหเมศ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรหเมศ ทรงเป็นต้นราชสกุล พรหเมศ ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 2 พระองค์  

10.จรูญโรจน์ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญโรจน์เรืองศรี กรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณ ทรงเป็นต้นราชสกุล จรูญโรจน์ ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 13 พระองค์ หม่อมเจ้าหญิง 4 พระองค์

11.สายสนั่น พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสนั่น ทรงเป็นต้นราชสกุล สายสนั่น ณ อยุธยา

ทรงมีหม่อมเจ้าชาย 4 พระองค์

Thailand Web Stat