ทางหลวงเปิดด่านใหม่ชลบุรี-พัทยา7วันแรกโกยเงินทะลุ20ล้านบาท

28 เมษายน 2561

ทางหลวงเผยเปิดด่านใหม่ 7 วันแรกโกยเงินทะลุ 20 ล้านบาท ปริมาณรถเพิ่มขึ้น 50% เฉียด 2.5 แสนคันต่อวันเดินหน้าเปิดประมูลงานสร้างด่านเก็บเงินใหม่ศรีราชา 2 พันล้านบาท

ทางหลวงเผยเปิดด่านใหม่ 7 วันแรกโกยเงินทะลุ 20 ล้านบาท ปริมาณรถเพิ่มขึ้น 50% เฉียด 2.5 แสนคันต่อวันเดินหน้าเปิดประมูลงานสร้างด่านเก็บเงินใหม่ศรีราชา 2 พันล้านบาท

นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.)เปิดเผยว่าภายหลังจากเริ่มต้นเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบนมอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วงชลบุรี-พัทยา เมื่อวันที่ 19 เม.ย.61 พบว่าส่งผลให้มีปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งหรืออยู่ที่ 50% ของปริมาณจราจรเดิม โดยขณะนี้มีปริมาณจราจรเข้าสู่ระบบถึง 245,300 คันต่อวันจากเดิมอยู่ที่ราว 164,200 คันต่อวัน ควบคู่ไปกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 3 ล้านบาทหรือรวม 24 ล้านบาทในช่วง 8 วันที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบปัญหาของประชาชนพบแต่เพียงเรื่องการจราจรชะลอตัวหน้าด่านในบางช่วงเวลาที่ด่านโป่ง 3 และด่านหนองขาม 4 เพียงเท่านั้น ส่งผลให้กรมทางหลวง(ทล.)วางแผนลงทุนก่อสร้างช่องเก็บเงินเพิ่ทเติมที่ด่านโป่งจำนวน 2 ช่องและด่านหนองขาม จำนวน 1 ช่อง รวมถึงงานขยายช่องจราจรเดิมด้วย วงเงินลงทุน 26 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)ใหม่ หลังจากที่เปิดขายซองครั้งแรกไปแล้วไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายในเดือนพ.ค.นี้ ก่อนเร่งลงนามสัญญาภายในกลางปีนี้เพื่อเริ่มก่อสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้ช่วงปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า

ด้านตะวัน ศรีดามา วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษกองทางพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง(ทล.)กล่าวว่าความคืบหน้าการพัฒนามอเตอร์เวย์สาย 7 เพื่อแก้ปัญหาปริมาณจราจรสะสมนั้นทล.มีแผนลงทุนก่อสร้างด่านเก็บเงินใหม่บริเวณจุดเข้าออกศรีราชา วงเงิน 2 พันล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยขณะนี้ได้งบประมาณจากรัฐบาลมาแล้วเพื่อดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาโครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)ก่อนเปิดประมูลต่อไปเร็วๆนี้ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาราว 1 ปีทั้งตีวเลขวงเงินค่าก่อสร้างและบริหารงานระบบตลอดจนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ควบคู่กันไปเนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีค่าที่ดินค่อนข้างแพงจึงต้องรีบดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาความทุกข์ของชาวบ้าน

ทั้งนี้ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 นี้เป็นเส้นทางหลักที่มีความสำคัญต่อระบบการคมนาคมและขนส่งระหว่างภาคกลาง และภาคตะวันออก ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ ส่งเสริมการขยายตลาดและเพิ่มโอกาสทางการค้าการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวในหลากหลายมิติ พร้อมทั้งเชื่อมโยงฐานการผลิต ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและภาคการส่งออกของจังหวัดทางภาคตะวันออกกับประตูการค้าระหว่างประเทศ ที่สำคัญในปัจจุบัน คือ ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อที่จะพัฒนาพื้นที่ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย และเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางที่จัดเก็บได้ทั้งหมด กรมทางหลวงจะนำฝากบัญชีเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ซึ่งบริหารโดยกระทรวงการคลังเพื่อนำไปใช้บำรุงรักษาทาง สะพาน และระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ไฟฟ้าส่องสว่าง กล้องวงจรปิด CCTV รถหน่วยกู้ภัย โทรศัพท์ฉุกเฉิน เป็นต้น รวมถึงนำไปใช้ในการก่อสร้างขยายโครงข่ายมอเตอร์เวย์ในสายอื่นๆ เช่น สายพัทยา-มาบตาพุด ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณแผ่นดินและรักษาวินัยทางการเงินของภาครัฐ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมระบบโลจิสติกส์และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศด้วย.

Thailand Web Stat