posttoday

อันว่าความอยาก

13 พฤษภาคม 2561

พูดถึงความอยาก อาจจะอยากเป็น อยากมีอยากรวย อยากสวย


พูดถึงความอยาก อาจจะอยากเป็น อยากมีอยากรวย อยากสวย

อยาก...ทางพระพุทธศาสนา บอกว่า ความอยากเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ หลายคนอาจจะแปลได้หลายความหมาย เพราะความอยากบางอย่างก็ไม่ถูกต้อง เช่น ความอยาก ที่เป็นความความโลภ ความปรารถนาที่เกินความพอดี

ทว่า ความอยากในอีกบริบทหนึ่งที่หมออยากจะพูดถึง คือ ความอยากที่เป็นความพอดี ความอยากที่ช่วยให้เรามีชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไม่ทุกข์ เป็นความอยากแบบธรรมชาติให้มา (ฮ่า)

บางคนก็กลัวเกินไป...พอบอกว่า “ความอยากเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์” เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์ก็เลยไม่อยากอะไรเลย ปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำอะไรเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น เป็นอะไร ก็คิดแบบคนมักน้อย คิดเล็ก ไม่กล้าฝันใหญ่

หมอว่านะทุกอย่างต้องอยู่บนทางสายกลาง ถ้าความอยากของเรามันเป็นธรรมดาของโลก ไม่โลภจะเอาของคนอื่นเขา ไม่ปรารถนาจนเกินพอดี เป็นความอยากที่อยู่ในศีลในธรรม หมอว่า ทำไปเถอะครับ เพราะคำว่า ขี้เกียจ กับ คำว่าไม่อยาก มักน้อย สันโดษ นี่มันใกล้เคียงกันมากนะครับ

โดยทั่วๆ ไป ถ้าเรียงลำดับของความอยากของคน จะมี 3 ระดับ หนึ่ง คือ อยากเฉยๆ เช่น อยากมีแฟนสวย แต่พอจีบแล้วผู้หญิงไม่สนใจ ก็เลิก อยากมีสามีที่ดี พอรออยู่นานเข้าไม่มีใครเลยก็ไม่เอาแหละ อยากรวย แบบรอให้ถูกลอตเตอรี่ เสี่ยงดวงไป ซื้อถูกไม่ถูกไม่เป็นไร

สอง คือ ตัดสินใจแน่ๆ แล้ว เช่น ฉันจะทำงานอาชีพนี้ ฉันจะทำแบบนี้ ฉันเลือกแล้ว แต่พอเหนื่อย พอร้อนหน่อย เจออุปสรรคหน่อย โดนด่าหน่อย เลิกทำแหละ แล้วก็หันไปทำอย่างอื่น เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

สาม อันนี้นอกจากจะตัดสินใจแล้วว่าจะเอา จะทำแบบนี้แหละ ยังใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจเข้าไปอีกด้วย หมายความว่า ทุ่มเทอย่างไม่ยั้ง เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย ไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวร้อน

คนกลุ่มที่ 3 เลยมักจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และร่ำรวยเป็นอย่างมาก

อันว่าความอยาก

ลองทายซิครับว่า...คนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มไหน? ทำไม? คนที่ประสบความสำเร็จจึงมีน้อยกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ? เพราะคนที่เข้าใจธรรมชาติ และมีความอยากแต่พอดี มีความมุ่งมั่น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว มันมีน้อยนะสิครับ

บางคนก็โลภ อยากซะเกินพอดี ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ทั้งที่ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมก็จะทำ อยากอย่างนี้ไม่ดีครับ ถือว่าเป็นความอยากแบบไม่สร้างสรรค์ จะส่งผลเสียต่อชีวิตในที่สุด

วันก่อนหมออ่านหนังสือเรื่อง “ถอดรหัสลับ สมองเงินล้าน” ของ T.Harv Eker หมอได้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องความมุ่งมั่นอย่างนี้ครับ

คนที่ประสบความสำเร็จโดยส่วนใหญ่ เขาเต็มใจทำงานมากกว่าวันละ 8 ชั่วโมง อาจถึง 16 ชั่วโมง/วัน เขาเต็มใจที่จะทำงานสัปดาห์ละ 7 วัน และแทบไม่มีวันหยุด

คนสำเร็จเต็มใจที่ไม่ค่อยเห็นหน้าครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง งดสิ่งบันเทิง คนสำเร็จเต็มใจที่จะเสี่ยงลงทุนทั้งเรื่องของเวลา กำลังกาย กำลังใจ รวมทั้งเงินทุนเริ่มต้นโดยไม่มีการรับประกันว่าจะได้ทุนคืนหรือไม่

คนสำเร็จเขามุ่งมั่น ตั้งใจทำทุกข้อที่กล่าวมา แล้วคุณล่ะ?

อย่างที่หมอเคยบอก เกิดมาชาติหนึ่งเราควรจะมุ่งมั่นทำอะไรให้เต็มที่เต็มกำลังความสามารถ หรือจะปล่อยชีวิตไปวันๆ รอวันดินกลบหน้าเฉยๆ ก็เลือกเอา จะอยากเก่ง จะยิ่งใหญ่ในสายอาชีพตัวเอง หรือจะยอมเป็นคนด้อยค่า ไร้ความสามารถก็ตามใจ

หมอเคยบอกแล้วไงครับ...ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งใจ ทำอะไรสักอย่าง...อะไรที่คนอื่นๆ เขาทำได้มาก่อน เราก็ทำได้ครับ...ขอให้ใส่ความอยากระดับ 3 ให้มากพอ

หลายครั้งหมอบอกให้เชื่อ แต่ครั้งนี้ไม่ต้องเชื่อหมอนะครับ อย่าเชื่อหมอเลยครับ ห้ามแอบเชื่อด้วย 555 แต่ขอให้พิสูจน์ด้วยตัวเอง

อย่าไปเชื่อใครครับ ขอให้พิสูจน์ให้เห็นผลลัพธ์ แล้วพิจารณาด้วยเหตุผล...อย่าเชื่อหมอนะครับ