วัดพระพุทธชินราช ต้นแบบวัดเบญจฯ
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ผมร่วมเดินทางโดยรถยนต์ปรับอากาศ เพื่อแสวงบุญ หรือกราบสักการะพระธาตุและวัดสำคัญต่างๆ
โดย สมาน สุดโต
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ผมร่วมเดินทางโดยรถยนต์ปรับอากาศ เพื่อแสวงบุญ หรือกราบสักการะพระธาตุและวัดสำคัญต่างๆ ในภาคเหนือกับคณะสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ที่มี สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาสถาบันฯ เป็นผู้นำตลอดเส้นทางจากกรุงเทพมหานคร ถึง จ.น่าน แพร่ และลำปาง เป็นเวลา 5 วัน
ก่อนถึงภาคเหนือได้บูชาพระพุทธบาทสระบุรีและปลูกต้นโพธิ์เป็นที่ระลึก ตามที่เเล่าในฉบับที่แล้ว ก็เดินทางอีก 236 กิโลเมตร ถึง อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ตรงเวลานัดหมายคือ 11.30 น. โดยมี วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และคณะมาต้อนรับ พร้อมทั้งเลี้ยงพระเพล และบริการอาหารกลางวันแก่คณะ 70 กว่าชีวิต ผู้แทนสถาบันโพธิคยามอบของที่ระลึก และเวชภัณฑ์แก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรก็เดินทางอีก 50 กิโลเมตร ถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก เข้ากราบบูชาพระพุทธชินราช ในพระวิหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ของวัดให้ความสะดวก รวมถึงพาไปกราบพระธรรมเสนานุวัตร เจ้าอาวาสอีกด้วย
ข้อมูลจากวิกิพีเดียว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิม เพราะได้พบหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัย มีความว่า พ่อขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์ ...
ส่วนในพงศาวดารเหนือกล่าวไว้ว่า “ในราวพุทธศักราช ๑๙๐๐ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาอื่นๆ จนช่ำชองแตกฉาน หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กลาง มีพระวิหาร ๔ ทิศ มีพระระเบียง ๒ ชั้น และทรงรับสั่งให้ปั้นหุ่นหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง ๓ หลัง”
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2458 ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
ต้นแบบวัดเบญจมบพิตร
พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรพระนคร ที่รู้จักกันทั่วโลกว่า พระอุโบสถหินอ่อนนั้น มีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรม ที่ดูแล้วแปลกตายิ่งนัก เพราะทั่วไปจะเห็นวิหารคตมาบดบังพระอุโบสถ แต่วิหารคตวัดเบญจมบพิตรกลับทำอีกแบบหนึ่ง เทียบกับแหวนตัวพระอุโบสถคือหัวแหวน ส่วนวิหารคตเปรียบได้กับเรือนแหวน จึงมองเห็นพระอุโบสถงามสง่าเกินคำบรรยาย ผู้ออกแบบได้แก่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งท่านเคยเขียนในสาส์นสมเด็จว่า ต้นแบบความคิดนี้มาจากวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก นั่นเอง
ไม่ใช่แต่เท่านั้น พระพุทธชินราชในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ก็จำลองแบบพระพุทธชินราช พิษณโลก ในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นกัน ดังศิลาจารึกที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้สร้างไว้ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นั่นแล