บูดูสายบุรีเสน่ห์วิถีมลายู
เมื่อพูดถึงน้ำบูดูหลายคนถึงกับส่ายหน้า ไม่รู้จัก ไม่เคยลองชิม แต่ยังมีอีกหลายๆ คนที่แค่ครั้งเดียวเมื่อได้ชิมบูดูจะติดอกติดใจ
เมื่อพูดถึงน้ำบูดูหลายคนถึงกับส่ายหน้า ไม่รู้จัก ไม่เคยลองชิม แต่ยังมีอีกหลายๆ คนที่แค่ครั้งเดียวเมื่อได้ชิมบูดูจะติดอกติดใจ มีโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้องหาทางลิ้มลอง เพราะไม่ใช่ของที่จะหารับประทานได้ง่ายๆ อีกทั้งกรรมวิธีการผลิตก็มีลักษณะเฉพาะเสียด้วย
หนึ่งในบูดูที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย นั่นคือ บูดูสายบุรีต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนเป้าหมายของโครงการชุมชนท่องเที่ยวโอท็อปนวัตวิถี และยังได้รับคัดเลือกจากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ให้จัดแสดงและจำหน่ายผลงานในฐานะตัวแทนโอท็อป ซิกเนเจอร์ เอกลักษณ์จากเสน่ห์วิถีไทยนิยมของ จ.ปัตตานี ซึ่งหาซื้อได้ในงาน โอท็อป มิดเยียร์ 2018 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ถือว่าเป็นวันสุดท้ายให้กับผู้ชื่นชอบบูดูไปซื้อรับประทาน
งานที่ผ่านมานอกจากแฟนพันธุ์แท้บูดูจะยิ้มหน้าบานเพราะมีของรสเลิศ คุณภาพดี จากปัตตานีมาให้อิ่มอร่อยแบบไม่ต้องล่องใต้รอนแรมไปไกลแล้ว เด็กๆ รุ่นใหม่หรือคนที่ไม่เคยชิมก็พลอยได้รับโอกาสลิ้มลองไปด้วย ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นั้น เป็นพื้นที่ติดทะเล ในอดีตชาวบ้านมีอาชีพทำประมง เมื่อจับปลาได้มาก็จะนำเฉพาะปลาตัวใหญ่ๆ ไปขาย ส่วนปลาตัวเล็กๆ นั้นจะนำมาหมักเก็บไว้ประมาณ 1 ปี ก็จะได้เป็นน้ำข้นๆ คล้ายน้ำปลา เรียกว่าน้ำบูดู นำไปเป็นส่วนผสมของการทำข้าวยำ และทำให้การทำและรับประทานน้ำบูดูกลายเป็นวิถีวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันของชาวไทยมุสลิมแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้มาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การผลิตน้ำบูดูดั้งเดิมมีแค่น้ำข้นกับน้ำใส แต่ต่อมาก็ได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาเป็นสินค้าชุมชน จากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอท็อปสร้างรายได้สู่ชุมชนไปพร้อมๆ กับการดำรงอยู่ของเสน่ห์แห่งวิถีมลายูที่งดงาม
ทุกวันนี้บูดูสายบุรีมีให้เลือกทั้งบูดูน้ำข้นผสมเนื้อปลา บูดูน้ำใสเนื้อปลาน้อย บูดูข้าวยำ น้ำพริกบูดู ไปจนถึงบูดูแห้ง และชุดข้าวยำ ส่วนสูตรเด็ดเคล็ดลับของที่นี่นั่นก็คือ วัตถุดิบที่คัดสรรหลักๆ 2 อย่าง คือปลากะตักหรือปลาไส้ตันจากทะเลอ่าวไทย และเกลือหวานเอกลักษณ์ของปัตตานี การกินน้ำบูดูให้อร่อยก็แค่คลุกข้าวสวยร้อนๆ กินกับผักสดเท่านั้นเอง แค่นี้ก็ชวนน้ำลายสอกันแล้วใช่ไหม
ยังมีเรื่องเล่าน่ารักๆ เกี่ยวกับที่มาของชื่อเรียกบูดูว่า ชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมในภาคใต้อาศัยอยู่ร่วมกัน เมื่อชาวไทยพุทธถามชาวไทยมุสลิมว่าหมักปลาไว้ทำอะไร ชาวไทยมุสลิมก็ตอบว่า หมักไว้ดู จึงเป็นที่มาของชื่อบูดู ที่เรียกขานกันต่อมา
ใครอยากลองจึงไม่ควรพลาดงานโอท็อป มิดเยียร์ 2018 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพราะงานมีถึงวันที่ 17 มิ.ย.นี้เท่านั้น ส่วนใครพลาดงานนี้สอบถามไปที่ โทร. 08-1478-6780