Beat Plastic Pollution
นับจากเหตุการณ์น้องวาฬเสียชีวิตที่สงขลา เมื่อชันสูตรแล้วพบว่าในท้องมีถุงพลาสติกถึง 85 ใบ
โดย ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
นับจากเหตุการณ์น้องวาฬเสียชีวิตที่สงขลา เมื่อชันสูตรแล้วพบว่าในท้องมีถุงพลาสติกถึง 85 ใบ เผอิญช่วงนั้นมีทั้งวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) ซึ่งแคมเปญของ UN ปีนี้คือ Beat Plastic Pollution จึงทำให้ประเด็นวาฬตายเพราะขยะกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก อีกทั้งเมืองไทยติดอันดับ 6 ของประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลตามการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยจอร์เจีย ยิ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเราในเรื่องสิ่งแวดล้อม
ในทางกลับกัน ผลด้านดีก็เกิดขึ้น เมื่อสังคมรับทราบคนไทยรับรู้ จึงเกิดกระแสการจัดการปัญหาขยะพลาสติกในหลายรูปแบบ ในภาครัฐมีการตั้งเป้าที่จะลดขยะทะเลให้ได้ 50% ภายในปี 2570 ตามด้วยแคมเปญต่างๆเช่น กรมอุทยานทำ Green National Park กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเดินหน้าโรดแมปลดขยะทะเลทุกรูปแบบ ขณะที่ภาคเอกชนก็เริ่มเดินเครื่อง บริษัท สิงห์เอสเตท ติดตั้งเครื่องกำจัดขวดและกระป๋องในชุมชน คาเฟ่ อเมซอน ออกแคมเปญเอาแก้วมาลดราคาเครื่องดื่ม5 บาท ฯลฯ
กระแสยังลงไปถึงผู้คนทั่วไป หลายคนเริ่มนำถุงผ้ามาถือบ่อยขึ้น บางคนนำถุงพลาสติกมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก คนถือแก้วไปซื้อกาแฟมีให้เห็นเยอะขึ้น ขณะที่หลายฝ่ายช่วยกันให้ข้อมูลว่าเราจะลดการใช้ถุงและหลอดพลาสติกได้อย่างไรบ้างอย่างไรก็ตามการรณรงค์เพียงอย่างเดียวอาจให้ผลไม่พอ เราอาจต้องขยับไปข้างหน้า นั่นคือการเลิกแจกถุง ใครอยากได้ต้องซื้อ
หลายประเทศทั่วโลกใช้แนวทางนี้ ทุกประเทศยอมรับว่าได้ผล จนสหภาพยุโรปประกาศแบนพลาสติกใช้แล้วทิ้งหลายต่อหลายชนิดภายในอีกไม่กี่ปี สำหรับเมืองไทย มหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล ฯลฯ ได้ล่วงหน้าไปแล้วและผลที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นชัดว่าลดถุงพลาสติกได้มากกว่าร้อยละ 90
ขั้นต่อไปในความคิดผม คือ การขยายผลครับ เพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัยที่สมัครใจโดยดูโมเดลจากมหาวิทยาลัยอื่นที่ล่วงหน้าไปแล้ว เพิ่มจำนวนโรงพยาบาลโดยใช้โมเดลของบางโรงพยาบาลที่ทำแล้ว กำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจนว่าจะทำกี่แห่ง เริ่มเดินหน้าร้านต่างๆ ในสถานที่ราชการที่มีทั่วประเทศ ตามด้วยการพูดคุยเตรียมออกกฎสำหรับห้างร้านขนาดใหญ่ให้เลิกแจกถุง ขณะเดียวกันเราต้องหากองทุนเพื่อนำเงินขายถุงจากห้างพวกนั้นมาใส่ไว้เพื่อช่วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนแบบต่างๆ เช่น ไบโอพลาสติก ให้มีเงื่อนไขราคาที่เหมาะสมพอแข่งขันได้ เสร็จแล้วก็ขยับไปสู่ร้านจิปาถะแฟรนไชส์
ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราอาจลดการใช้ถุงในตลาดโดยนำผลิตภัณฑ์ทดแทนเข้ามาใช้ ทำให้เกิดเป็นโรดแมปที่แน่ชัด อันที่จริงแผนปฏิรูปประเทศกับแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติก็กำหนดแนวทางไว้บ้างแล้ว หากเรานำมาใช้ดีๆ ผมคิดว่าเราคงก้าวไปข้างหน้าได้เสียที หลังจากวนเวียนกับการรณรงค์เพียงอย่างเดียวมาหลายปีแล้ว
ทั้งหมดนี้ เราอาจต้องรอภาครัฐ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องรอคือเราทำได้ทันที ลดการใช้ถุงและหลอดพลาสติกทุกชนิดภาคเอกชนควรก้าวเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าเป็นร้านเล็กๆ หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ ทุกคนทำได้ทั้งนั้น
สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ไม่ใช่เป็นการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว แต่เป็นการต่อสู้กับขยะพลาสติกและก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากพวกเรานี่แหละ เพราะฉะนั้นทุกคนเป็นฮีโร่ของลูกหลานได้ ขอเพียงเริ่มลงมือกระทำครับ