รักในชะตาชีวิต
บางครั้งชีวิตก็ร้ายกับเราอย่างไม่มีชิ้นดี เราร้องไห้คร่ำครวญโศก เคืองแค้น ก่นด่า
โดย เพ็ญแข สร้อยทอง
บางครั้งชีวิตก็ร้ายกับเราอย่างไม่มีชิ้นดี เราร้องไห้คร่ำครวญโศก เคืองแค้น ก่นด่า ตั้งคำถาม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ได้แต่ยอมรับและดำเนินชีวิตต่อไป เพื่อผ่านหลุมบ่อ ขวากหนาม และอุปสรรคนั้นไปเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า
อัลเบิร์ต เอลลิส หนึ่งในนักจิตวิทยาที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 บอกว่า “การยอมรับ” เป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความทุกข์ยากของชีวิต ความคาดหวังว่าชีวิตจะให้แต่ความพึงพอใจหรือสิ่งที่เราปรารถนานั่นเป็นเรื่องตลกและไร้สาระ ขณะที่หนึ่งในคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เขาไม่เพียงแต่ “ยอมรับ” กลับ “รัก” ในชะตากรรมนั้นด้วยซ้ำ
“Amor Fati” วลีภาษาละติน หมายความว่า Love of Fate หรือรักในโชคชะตา เป็นคำพูดของ ฟริดริค นิตเช่ เจ้าแห่งปรัชญาอัตถิภาวนิยม
ไม่ว่าจะ นิตเช่ จะกล่าวถึงวลีนี้ในบริบทใดก็ตาม กาลต่อมา Amor Fati ก็ได้กลายเป็นทัศนคติหรือความเชื่อ เพื่อช่วยให้เราข้ามพ้นทุกๆ อย่างซึ่งเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะความเจ็บปวด การสูญเสีย ฯลฯ
ไม่มีใครโชคดีมากขนาดไม่เคยมีปัญหาหรืออุปสรรค เพื่อที่จะแก้ไขหรือผ่านไปให้ได้ บันใดขั้นแรกคือการยอมรับ เข้าใจ หรือรักมันให้ได้เสียก่อน
ในหนังสือ “พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่” ของ คิมรันโด นักเขียนเกาหลีชื่อดัง แปลเป็นภาษาไทยโดย อมรรัตน์ ทิราพงษ์ และสำนักพิมพ์สปริงบุ๊กส์ หนึ่งบทในหนังสือเล่มนี้ตั้งชื่อว่า “Amor Fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ”
คิมรันโด เล่าไว้ในหนังสือว่า เขากล่าวคำนี้เพื่อปลอบใจผู้ฟังรายการวิทยุ ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่โทรเข้ามาเพื่อปรึกษาปัญหาชีวิต
เด็กหนุ่มคนนี้พบกับชะตากรรมที่โหดร้ายซึ่งถั่งโถมมาราวกับเป็นพายุ จนอยากจะฆ่าตัวตาย เรื่องราวของเขาทำให้ คิมรันโด เศร้าไปด้วย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร จึงได้แต่บอกออกไปว่า “Amor Fati-จงรักในชะตาชีวิตของคุณ”
เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยที่ได้ยินคำนั้นจากคิมรันโด เขาจะรักชีวิตแย่ๆ แบบนี้ได้อย่างไร!
เวลาผ่านไป วันหนึ่งเด็กหนุ่มคนเดิมก็โทรมามาอีกครั้ง หลังจากเข้าใจในคำพูดของคิมรันโดแล้ว ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นโอกาสหรืออุปสรรคเขาควรรักมัน ทั้งหมดไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ล้วนทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นในที่สุด เขาเลิกด่าทอชีวิตและชะตากรรม ไม่ท้อแท้หรือคิดฆ่าตัวตายอีก หันกลับไปทำงานและใช้ชีวิตของตัวเอง
Amor Fati คือ การบอกให้ยอมรับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แต่เป็นคนละเรื่องกับการยอมจำนน เราอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ โดยให้อุปสรรคและความทุกข์ยากกลายเป็นเชื้อเพลิง เพื่อแสดงศักยภาพที่เรามีอยู่ออกมา
โรเบิร์ต กรีน นักเขียนเจ้าของหนังสือขายดี 48 Power of Power and Mastery บอกว่า “ยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง” และเราก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเองที่จะมองเหตุผลนี้ในแง่บวก
เราอาจจะเคยคิดว่าทุกอย่างในชีวิตสามารถควบคุม จัดการ ดูแลได้ แต่มีอะไรมากมายที่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะโลก ชีวิต หรือความคิดของคนอื่น สิ่งที่เราสามารถควบคุมดูแลได้คือความคิดและการกระทำของตัวเองเท่านั้น
การสูญเสียความสุขหรือคุณค่าของตัวเราเองไปเพราะสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
บางครั้งเราก็โกรธ เศร้า เคืองแค้น อยากเอาคืน เรารู้สึกเหมือนโลกกำลังจะสลาย แต่เมื่อลืมตาขึ้นในวันใหม่ ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม พระอาทิตย์ยังคงส่องแสง ผู้คนก็ยังออกทำมาหากินใช้ชีวิตตามปกติ
การร้องไห้คร่ำครวญโศกเศร้าไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่ก็ไม่ผิดอะไรที่จะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกหรือทำอย่างนั้นบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องหยุด ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และดำเนินชีวิตต่อไป เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า
ชีวิตที่สมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง มีแต่ชีวิตของเราหนึ่งเดียวนี้ ... ใช้มันให้ดี