ความอัศจรรย์ ของพระอาจารย์พยอม วัดสวนแก้ว

โดย สมาน สุดโต 

พระราชธรรมนิเทศ หรือพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว นนทบุรี พระนักเทศน์ พระนักสังคมสงเคราะห์ พระผู้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะงานทั้งหลายทั้งปวงที่ท่านทำ เป็นงานเพื่อประชาชนทั้งสิ้น ดูด้วยตาตนเองที่วัดสวนแก้ว และโครงการที่กระจายในจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ อีก 18 โครงการ ปัจจุบันทำการล็อกบุญ ให้คนศรัทธาทำใน 4 โครงการใหญ่ ที่ใครๆ ก็ตามไม่ทัน เรียกว่า บุญช่วยบุญพาวาสนาส่ง บุญรอด และบุญชุบชีวิต

ในการบรรยายเรื่องตามรอยเบื้องพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ที่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พ.ส.ล. เมื่อบ่ายวันที่ 15 ต.ค. 2561 พระราชธรรมนิเทศ หรือหลวงพ่อพยอม กัลยาโณ อายุ 69 ปี เล่าเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนก็ได้ โดยเฉพาะพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เมื่อยังทรงพระชนม์ชีพที่มีต่อพระอาจารย์พยอม

พระอาจารย์พยอม เล่าว่าครั้งแรก (ไม่ได้ระบุวันเดือนปี) ที่หน้ากุฏิ ในวัดสวนแก้ว ตอนเช้ามีชายร่างสูงใหญ่ ลงจากรถยนต์เดินมาหา จึงถามว่า มีธุระอะไร หรือไม่ เมื่อได้ยินที่สุภาพบุรุษท่านนั้นตอบ ก็แปลกใจมาก เพราะเขาบอกว่าในหลวง โปรดฯ ให้มาถามว่า พระอาจารย์ทำอย่างไรจึงเลี้ยงคนได้เป็นพันคน จึงตอบว่าเลี้ยงด้วยขยะ พร้อมทั้งขยายความว่า วัดสวนแก้ว เป็นวัดแห่งแรก และวัดเดียวที่นำขยะมารีไซเคิล เพิ่มมูลค่า นำรายได้มาเลี้ยงคนเป็นพันคน และซื้อที่ดินเพื่อขยายพื้นที่ทำการเกษตร สร้างอาชีพให้แก่ประชาชนที่ยากไร้ได้มากถึง 3,900 ไร่ รวมทั้งซื้อพื้นที่วัดสวนแก้วจากวัดเล็ก มีที่ดินไม่ถึง 10 ไร่ ก็ขยายเป็น 100 กว่าไร่

ต่อมาสุภาพบุรุษคนเดิมมาอีกครั้งคราวนี้บอกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้ทำโครงการช่วยเหลือคนทั้ง 4 ภาค จึงน้อมนำพระราชดำรัส ขยายโครงการไปในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันมูลนิธิสวนแก้วขยายสาขาไปที่ต่างๆ ดังนี้ สาขากบินทร์บุรี สาขาจันทบุรี สาขาระยอง สาขาบุรีรัมย์ สาขาซอโอ จ.ตาก สาขากาญจนบุรี สาขาสุราษฎร์ธานี และสาขาอยุธยา

อีกครั้งหนึ่งมีผู้มาแจ้งว่าในหลวงขอให้พระพยอมทำบ่อบำบัดน้ำเสีย จึงจัดที่ทำบ่อบำบัดสิ่งปฏิกูล 4 ไร่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินให้โครงการนี้ 5 แสนบาท โครงการบ่อบำบัดสิ่งปฏิกูลช่วยให้วัดมีรายได้ประจำ เพราะรถดูดส้วมมาจอดเข้าคิวเป็นแถวยาวเพื่อถ่ายของเสียออกทุกวัน นอกจากนั้นสิ่งที่ได้จากบ่อบำบัดสิ่งปฏิกูลคือปุ๋ย วิธีการคือทำให้แห้งแล้วนำมาบดทำปุ๋ย ท่านอาจารย์พยอมบอกว่าปุ๋ยจากอุจจาระคนนั้น ดีกว่ามูลสัตว์ทั่วไป

แสดงธรรมหน้าพระที่นั่ง

ท่านเล่าว่าเรื่องประทับใจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่าท่านเป็นพระชาวบ้าน ไม่เคยนึกฝันจะได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมหน้าพระที่นั่ง จนวันหนึ่งได้รับนิมนต์ให้ไปแสดงพระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่ง เนื่องในวันทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระศพสมเด็จย่า ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า พระราชสมภพ วันที่ 21 ต.ค. 2443 สวรรคต 18 ก.ค. 2538 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2539 ณ พระเมรุ สนามหลวง)

พระอาจารย์พยอม ตั้งหัวข้อแสดงธรรม ว่า ได้ในเสีย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นธรรมะ สกัดอารมณ์ความเสียใจของพสกนิกร ที่ต้องสูญเสียสมเด็จย่า

ใจความของพระธรรมเทศนา คือการที่เราเสียนั้น เราได้นั่นคือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอย่างใหญ่หลวง

เมื่อเทศน์จบ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานกัณฑ์เทศน์ จากนั้นทรงประทับยืนเพื่อทรงสนทนากับพระอาจารย์พยอม โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยืนเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกับพระอาจารย์พยอม 30 นาที ทั้งๆ ที่ใช้เวลาแสดงธรรมเพียง 25 นาที

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัย ตรัสถามว่าคิดหัวข้อเทศน์นี้ได้อย่างไร เพราะไม่มีพระสงฆ์เถระอื่นๆ คิดแบบนี้ จากนั้นทรงมีพระราชดำรัสอีกหลายเรื่อง และทรงพระสรวล เมื่อมีพระราชดำรัสถึงเทปบันทึกเทศน์ของพระพยอม ที่เทศน์ว่า จะเทศน์ตรงนี้ เทศน์แบบนี้ ใครจะยิงให้ตาย
ก็ยอม แต่ถ้าไม่ตายจะลุกมาเทศน์ต่อ

อย่างไรก็ตาม พระอาจารย์พยอม สำรวม และนิ่ง มิได้สนองพระราชดำรัส เพราะในใจนั้นคิดสงสาร พล.อ.เปรม ที่ยืนเฝ้าฯ นาน

เมื่อพระพยอมนิ่งนาน ในหลวงจึงมีพระราชดำรัสว่า ทำไมไม่พูดกับโยม (หมายถึงในหลวง)

ก่อนถึงวันออกพระเมรุ ทางสำนักพระราชวังแจ้งว่า ขอนิมนต์พระอาจารย์พยอมแสดงพระธรรมหน้าที่นั่งอีกรอบหนึ่ง

ได้เป็นเจ้าคุณ

ทุกวันที่ 5 ธ.ค. อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ตามปกติจะมีพระราชประเพณีพระราชทานตั้ง หรือเลื่อนสมณศักดิ์พระเถรานุเถระที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระศาสนา และเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลของพระเจ้าอยู่หัวด้วย

วันหนึ่งก่อนถึงวันที่ 5 ธ.ค.ไม่กี่วัน สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร นามสกุล พยุงธรรม เกิด 9 มี.ค. 2459 มรณภาพ 18 พ.ย. 2552 อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส) โทรบอกว่ามีข่าวดี จะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคุณ พร้อมทั้งเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชว่า จะให้พระอาจารย์พยอม เป็นเจ้าคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทูลตอบว่าปิดบัญชีแล้ว พระเจ้าอยู่หัว ทรงให้เปิดบัญชีใหม่ หรือบัญชี 2 ขึ้นมา พระอาจารย์พยอมจึงได้เป็นเจ้าคุณพร้อมกับพระวัดอื่นๆ อีก 3 รูป ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2538 จึงเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระพิศาลธรรมพาที ต่อมาวันที่ 12 ส.ค. 2547 เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบ 6 รอบ ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชธรรมนิเทศ และอยู่ในสมณศักดิ์นั้นถึงปัจจุบัน

การได้เป็นเจ้าคุณของพระพยอมไม่เหมือนใคร จึงถูกพระผู้ใหญ่พูดแซวว่า พระพยอม ไม่ขึ้นบันไดทีละขั้น แต่ขึ้นลิฟท์เลย ซึ่งในหลวงก็ทรงแนะให้ตอบ ว่าขึ้นลิฟท์เพื่อไปทำงาน พร้อมทั้งมีพระราชดำรัสที่เป็นกำลังใจว่า โยม (พระเจ้าอยู่หัว) รู้ว่าพระ ไม่ต้องการสมณศักดิ์ แต่รสนิยมคนไทยนั้นยึดติดในสมณศักดิ์เจ้าคุณ มากกว่าพระครู

ล็อกบุญ

ส่วนเรื่องตามรอยเบื้องพระยุคลบาทนั้น พระอาจารย์พยอมว่า โครงการในพระราชดำริมีมากกว่า 4,000 โครงการ แต่ที่พระอาจารย์พยอมประทับใจ และสานต่อคือโครงการเกี่ยวกับน้ำ หรือสิ่งแวดล้อม เพราะน้ำคือชีวิตขาดน้ำไม่ได้ จึงตั้งธนาคารน้ำ ขึ้นมา ให้รวมกับบุญที่ล็อกไว้ 4 โครงการ คือ

1.ธนาคารน้ำ ทำบุญผ่านธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 013-1-41776-4

2.กองทุนผู้สูงวัย ทำบุญผ่านธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 382-2-48554-4

3.กองทุนสัมมาชีพ ทำบุญผ่านธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 013-1-42109-5

4.กองทุนชุบชีวิตยามตกอับ ทำบุญผ่านธนาคารธนชาต บัญชีเลขที่ 045-6-12171-3

ทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ บุญช่วย (ช่วยให้มีน้ำ) - บุญส่ง คือบุญพาวาสนาส่ง (ช่วยผู้สูงวัย) บุญรอด ช่วยแก้ปัญหามิจฉาชีพ (คือสร้างสังคมให้รอดปลอดภัยด้วยกองทุนสัมมาชีพ) - และบุญชุบชีวิต เป็นกองทุนช่วยฟื้นฟูครอบครัวที่ประสบภัย เช่น ไฟไหม้บ้านเสียหาย ให้คืนชีพได้อย่างเดิม

พร้อมกันนั้น ท่านได้เล่าเรื่องธนาคารน้ำ ว่าได้สั่งแท็งก์น้ำไซโล จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 5.5 เมตร สูง 4.6 เมตร จุน้ำ 108,100 ลิตร ราคา 3 แสนกว่าบาท เพื่อติดตั้งตามสาขามูลนิธิวัดสวนแก้ว ในจังหวัดต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ

เรตติ้งตก

ท่านอาจารย์พยอม ที่เคยเป็นนักเทศน์ชื่อดังมีรายการทางโทรทัศน์ และวิทยุมากมาย เรตติ้งกระฉูด แต่เกิดพลาดครั้งหนึ่ง เรตติ้งตกรูด (ต้นปี 2552) เมื่อท่านเชื้อเชิญกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ที่ชุมนุมตามที่ต่างๆ กีดขวางการจราจร ให้มาใช้ที่วัดสวนแก้วชุมนุม เสื้อแดงมาก่อน เสื้อเหลืองไม่ทันได้มา ก็ถูกทหารประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน จากนั้นท่านก็ถูกถล่มเละว่าเป็นพวกเสื้อแดง คนที่เคยเข้าวัดสวนแก้ว ถึงกับระบายความคับแค้น ด้วยภาษาที่คนทั่วไปฟังไม่ได้ เช่น ส่งข้อความมาว่า มึงกะกูสิ้นสุดกันที หรือบางคนประกาศตัดขาดไปเลย

ท่านสารภาพว่า ตอนนี้เรตติ้งค่อยๆ ขยับขึ้นแล้ว ดูจากรายได้เข้าวัดที่เคยหายไปเป็นสิบๆ ล้านบาทนั้น ตอนนี้กลับมาแล้ว

แจกโบนัสคนงาน

ทำบุญที่วัดสวนแก้ว ทำแล้วได้ทันตา เพราะท่านจะแจกสินค้าเกษตรให้กับทุกคนที่ทำบุญ ทำมาก ทำน้อย ได้เท่าๆ กัน สุดท้ายท่านบอกว่า เศรษฐกิจทั่วไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่วัดสวนแก้วอยู่ได้ สิ้นปีนี้ เตรียมเงินจ่ายโบนัสคนทำงานวัดหลายร้อยคนให้ได้อย่างทั่วถึง เพราะคนที่วัดมีคุณค่า ดังที่ว่า แก่ยังมีคุณค่า ชรายังมีประโยชน์