สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์
วันนี้มาชมพระของแฟนทางบ้านส่งมาให้ชมครับคือ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์
โดย อาจารย์ชวินทร์ [email protected]
วันนี้มาชมพระของแฟนทางบ้านส่งมาให้ชมครับคือ พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์ ดูจากองค์พระเป็นพระที่ผ่านการใช้งานมาและมีความเก่าปรากฏอยู่รอบด้าน เนื้อหาหนึกนุ่มลื่นตาไม่สะดุด เรียกว่าเนื้อจัด ทำให้พระสมเด็จองค์นี้ดูง่ายขึ้นมาทันที มาดูความเก่าของพระองค์นี้เพื่อเป็นความรู้กันครับ
กล่าวถึงสมเด็จวัดระฆัง สิ่งหนึ่งที่จะต้องมองถึงเสมอนอกจากพิมพ์ที่ถูกต้องแล้ว คือธรรมชาติความเก่าของเนื้อพระ เพราะธรรมชาติความเก่าจะเป็นตัวฟ้องอายุของพระสมเด็จ กระทั่งมีวิธีพิสูจน์ความเก่าโดยใช้หลักโบราณ คือ ขมิ้นกับปูน โดยนำขมิ้นผงมาละลายน้ำแล้วทาลงเนื้อองค์พระบริเวณที่ผิวเปิด หากเป็นเนื้อปูนเก่า ขมิ้นจะไม่เปลี่ยนสี หากแต่เป็นเนื้อปูนทำใหม่ขมิ้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงนั่นเอง
เมื่อเราส่องพระสมเด็จวัดระฆังเราจะเห็นมวลสารอะไรบ้างครับ อันแรกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า คือ มวลสารก้อนสีขาว หรือบางท่านเรียกว่า ผงวิเศษ อันต่อมา คือ เศษข้าวสุกตากแห้งเป็นก้อนเล็กๆ ใสๆ อันนี้เป็นอินทรียสาร ย่อยสลายได้เมื่อผ่านกาลเวลาเป็น 100 ปี เม็ดดำหรือจุดดำสันนิษฐานกันว่าเป็นก้านธูปหรือเม็ดเกสรดอกไม้ จุดแดงหรือเม็ดแดงออกสีน้ำตาลสันนิษฐานว่าเป็นเศษพระกำแพงเพชรมีขนาดเล็กและไม่เท่ากัน เศษเปลือกหอยมองเห็นเหมือนก้อนขาวๆ เล็กเช่นกัน สันนิษฐานว่าเมื่อป่นเปลือกหอยอาจจะแหลกละเอียดไม่หมดและเศษแร่สีทองสันนิษฐานว่ามีเศษทรายติดมากับไคลเสมาที่ท่านนำมาเป็นส่วนประกอบของมวลสารแต่ไม่ได้ปรากฏในทุกองค์
ทีนี้เรามาดูธรรมชาติที่เห็นอยู่บนเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังเสมอมา คือ รูพรุนปลายเข็ม มีลักษณะเป็นรูเล็กๆ เหมือนนำปลายเข็มไปจิ้มตามองค์พระ อันรูพรุนปลายเข็มนี้ขนาดไม่เท่ากัน อาจจะมีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หรือมีมากน้อยต่างกันในแต่ละองค์อันเนื่องมาจากมวลสารที่เป็นส่วนผสมของเนื้อพระสมเด็จได้เกิดการย่อยสลายไปตามธรรมชาติ และหลุดไป ปรากฏร่องรอยรูพรุนปลายเข็มขึ้นมาแทน
ประการต่อมา เมื่อหยิบมาเอียงและส่องดู จะเห็นการยุบตัวที่ไม่เสมอกัน ยิ่งส่องก้อนมวลสารจะเห็นความมันวาวไม่แข็งกระด้าง และการยุบตัวเป็นธรรมชาติรอบก้อนผงวิเศษนั้นซึ่งเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงไม่ได้ นั่นคือ เสน่ห์ของสมเด็จวัดระฆัง และบริเวณรอบพื้นผิวพระจะมีลักษณะคล้ายคลื่นแอ่งและหดตัวไม่เท่ากันอันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ธรรมชาติแบบนี้เป็นสิ่งที่ปลอมแปลงไม่ได้ นอกจากนี้ร่องรอยการแตกลานบนพื้นผิวพระซึ่งเกิดจากการหดตัวมาเป็นเวลานาน เป็นรอยคดเคี้ยวไปมา รอยแตกลานเหล่านี้เป็นไปในลักษณะธรรมชาติ ไม่ใช่เป็นการทำรอยแตกร้าวขึ้นมานั่นเอง
มามองขอบข้างองค์นี้ จะเห็นการยุบหดตัวของเนื้อมวลสาร อันเนื่องจากการกดมีดอาจไปสัมผัสก้อนผงวิเศษ ทำให้เกิดรอยปริแยกและเมื่อกาลเวลาผ่านไปเกิดการยุบตัวขึ้น ก้อนผงวิเศษหลุดออกไปจนเกิดหลุมและมีการหดตัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของสมเด็จวัดระฆังเช่นกัน การยุบตัวของขอบพระอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานานหรือธรรมชาติความเก่านั่นเอง
พลิกมาดูด้านหลังอีกที จะเห็นเส้นรอยยุบ รอยหดเป็นทางที่นักสะสมนิยมเรียกว่า รอยหนอนด้น และหลุมตื้นอันเกิดจากการหดตัวของมวลสารเกสรดอกไม้ขนาดเล็กบริเวณตรงกลาง และปรากฏรูพรุนเข็มแบบธรรมชาติ ส่องดูก็จะเห็นจุดสีแดงเล็กๆ ปรากฏอยู่ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเศษพระกำแพงเพชร รวมถึงจุดสีน้ำตาลและจุดสีดำซึ่งสันนิษฐานกันว่าเป็นเศษเกสรดอกไม้และก้านธูปป่น และยังมองเห็นผิวพระมีสีน้ำตาลเป็นหย่อมๆ ซึ่งการระเหยของตัวประสาน เช่น น้ำมันตังอิ๊วที่ระเหยออกมาจากภายในทำให้เห็นเป็นลักษณะของเนื้อกระยาสารท หรือเรียกกันว่าเนื้อตุ๊บตั๊บในสมเด็จวัดระฆัง
ในการทำพระสมเด็จปลอม นักปลอมแปลงมักจะนำพระที่เนื้อผงที่ปีลึกๆ และราคาไม่แพงมาตำแล้วปั๊มเป็นพิมพ์สมเด็จขึ้นใหม่ พระที่นิยมนำมาทำมากที่สุด คือ พระวัดสามปลื้ม เพราะเป็นพระเนื้อผงในยุคใกล้เคียงกัน หากแต่ธรรมชาติความเก่าและสิ่งที่เกิดขึ้นตามกาลเวลายังปลอมแปลงได้ไม่เหมือนดีนัก เช่น รอยยุบตัวของขอบข้าง รอยยุบตัวรอบก้อนผงวิเศษต่างๆ แม้กระทั่งก้อนผงวิเศษเองถ้าส่องดูจะมีความแวววาวหนึกนุ่มไม่แข็งกระด้างนั่นเอง อีกทั้งรอยรูพรุนเข็ม รอบปูไต่ รอยหนอนด้น เป็นต้น ธรรมชาติเหล่านี้ค่อนข้างจะปลอมแปลงได้ยากมากครับ ฉะนั้นการศึกษาและสะสมพระสมเด็จ นอกจากศึกษาพิมพ์ให้ถูกต้องแล้วเนื้อหามวลสาร ธรรมชาติความเก่าตามกาลเวลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อเป็นองค์ความรู้ไว้ครับ