คลินิกแก้หนี้ เฟส 2
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐฉันใด การไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐฉันนั้น
เรื่อง กัลย์ทิชา นับทอง
การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐฉันใด การไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐฉันนั้น เพราะการไม่เป็นหนี้ทำให้เรามีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ต้องเอาเงินเดือน เงินเก็บไปจ่ายหนี้ เงินก็ไม่ลด
แถมยังเป็นสร้างวินัยทางการเงินการคลังให้ตัวเอง ให้เรารู้จักที่จะวางเเผนบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
อย่างที่ทราบปัจจุบันนี้ คนเราไม่ได้มีบัตรเครดิตหรือบัตรเงินสดแค่ใบเดียว เพราะการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตทำให้การทำบัตรเหล่านี้ทำได้ไม่ยากนัก ดังนั้นบางคนอาจจะมีตั้งแต่ 2 ใบขึ้นไป
เพราะใครๆ ก็ไม่อยากเป็นหนี้กันทั้งนั้น ซึ่งการเป็นหนี้นั้นเกิดจากการที่เราไปยืมเงินอนาคตมาใช้
จะไม่อนาคตได้อย่างไร เพราะเงินดังกล่าวนั้นเป็นการนำมาใช้ก่อนแล้วผ่อนจ่ายทีหลัง
มีการแลกเปลี่ยนด้วยเงินต้นบวกด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้น เมื่อเป็นหนี้แล้วจะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น
ก่อนอื่น เรามาสำรวจตัวเองสักนิดว่าสาเหตุที่เป็นหนี้นั้นเป็นเพราะอะไร มาจากสาเหตุใด
ซึ่งบางคนอาจเป็นหนี้จากการใช้บัตรเครดิต เพราะความจำเป็นบังคับหรือว่าเพราะของมันต้องมี เราจึงต้องรูดปรื๊ด รูดปรื๊ดจนเต็มวงเงิน
หรือบางคนอาจจะต้องการเงินสดมาหมุน เพราะช่วงนี้เงินสดกำลังหมด จึงใช้บัตรกดเงินสด กดเงินมาใช้ก่อน อีกไม่กี่วันเงินเดือนออกค่อยใช้คืน กดไปกดมา อ้าว...เต็มวงเงินอีกแล้ว
เมื่อบัตรใบนั้นก็วงเงินเต็ม บัตรใบนี้ก็วงเงินเต็ม แต่รายได้เท่าเดิม ปัญหาต่อมาคือจะต้องทำอย่างไร อีกทั้งผ่อนไปผ่อนมามันก็ผ่อนไม่ไหวแล้ว แถมยอดหนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก สุดท้ายก็จ่ายไม่ไหว แล้วก็ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
แต่วันนี้ เรามีทางออกสำหรับคนที่อยากปลดหนี้ ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาให้การช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล หนี้บัตรกดเงินสด ที่ไม่มีหลักประกัน และลูกหนี้มีภาระหนี้ เป็นหนี้กับเจ้าหนี้หลายราย
อีกทั้งประสบปัญหาการชำระหนี้ให้รวบรวมหนี้ เพื่อแก้ไขปัญหนี้ครั้งเดียวรวบยอด และให้มีระยะเวลาในการชำระหนี้ถึง 10 ปี กับโครงการคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 2 นั้นเอง
จาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. บอกว่า โครงการคลินิกแก้หนี้เป็นการแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนอย่างเป็นระบบ
ช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันกับเจ้าหนี้หลายราย ให้มีโอกาสจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ของตนได้ ซึ่งปกติจะทำได้ยาก เพราะเจ้าหนี้แต่ละรายมีหลักเกณฑ์ที่ต่างกัน และลูกหนี้จะต้องเจรจากับเจ้าหนี้แต่ละรายด้วยตนเอง
โดยโครงการคลินิกแก้หนี้นั้นถือเป็นโครงการที่ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในการแก้ปัญหา ซึ่งก่อนหน้าหรือโครงการในระยะที่ 1 จะครอบคลุมเฉพาะหนี้ของธนาคารพาณิชย์ แต่ในระยะ 2 จะขยายขอบเขตให้รวมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบการนันแบงก์
เพราะจากข้อมูลลูกหนี้ที่ติดต่อโครงการระยะที่ 1 นั้น พบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นหนี้เฉพาะธนาคารพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังเป็นลูกหนี้ของนันแบงก์ รวมอยู่ด้วยจำนวนสูงพอสมควร จึงทำให้ต้องมีการขยายขอบเขตเกิดขึ้น
เบื้องต้นมีผู้ประกอบการนันแบงก์อย่างน้อย 8 ราย แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ คือ 1.บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส 2.บริษัท ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) 3.บริษัท เทสโก้ คาร์ด เซอร์วิสเซส 4.บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา
5.บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) 6.บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส 7.บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) และ 8.บริษัท อีซี่ บาย
ส่วนใครที่เป็นลูกหนี้ของนันแบงก์ ก็คาดว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2562 เพราะต้องรอการแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายขอบเขตให้บริษัทบริหารสินทรัพย์สามารถรับจ้างบริหารหนี้ NPL ของนันแบงก์ มีผลบังคับใช้นั้นเอง
นอกจากการเปิดให้นันแบงก์เข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้แล้ว ยังมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมใน 2 ส่วนสำคัญ ก็คือ...
1.คุณสมบัติการเข้าโครงการที่เดิมต้องเป็น NPL ก่อนวันที่ 1 เม.ย. 2561 ปรับเป็น ต้องเป็น NPL ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2562
2.ปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้และวิธีการชำระหนี้ให้ยืดหยุ่นง่าย และสอดคล้องกับสถานะลูกหนี้แต่ละรายได้มากขึ้น โดยเกณฑ์ใหม่มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับจุดเด่นของโครงการคลินิกแก้หนี้ คือ
การเป็น One stop service ในการแก้ปัญหาหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย ให้โอกาสลูกหนี้ผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 10 ปี ทำให้ภาระที่ต้องจ่าย/เดือนไม่มากจนเกินที่จะรับได้
เช่น ลูกหนี้ที่มียอดหนี้ 1 แสนบาท จะผ่อนชำระขั้นต้นเพียงประมาณ 1,200 บาท/เดือน
ลูกหนี้ที่มียอดหนี้ 5 หมื่นบาท จะผ่อนชำระขั้นต้นเพียงประมาณ 600 บาท/เดือน
ทำให้จากการที่เราเป็นหนี้บัตรหลายใบ ซึ่งต้องผ่อนส่งในแต่ละเดือนเป็นเงินจำนวนมาก ก็จะทำให้ยอดการผ่อนชำระในแต่ละเดือนลดลง เพื่อให้มีเงินเหลือพอใช้จ่ายอย่างอื่นในชีวิตประจำวันบ้าง
โดยการเข้าร่วมโครงการนั้นลูกหนึ้จะต้องทำตามเงื่อนไขที่คลินิกแก้หนี้ได้กำหนดไว้ ทั้งไม่ก่อหนี้เพิ่มเติมในระยะเวลา 5 ปี และพร้อมที่จะเรียนรู้การสร้างวินัยการเงินจึงที่ดี เพื่อไม่ให้กลับไปเป็นหนี้ที่เพิ่มพูนอย่างเดิมอีก
ส่วนใครที่มีปัญหาหนี้บัตรเดรดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลกับเจ้าหนี้หลายราย สามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำการเข้าร่วมโครงการและการแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ที่โครงการคลินิกแก้หนี้ Call Center โทร. 02-610-2266 หรือทางเว็บไซต์ www.debtclinicbysam.com
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโครงการคลินิกแก้หนี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายเล็กรายน้อยไม่ให้ต้องเป็นหนี้จนถูกติดตามทวงหนี้ หรือฟ้องร้องดำเนินคดีก็ตาม แต่สิ่งสำคัญคือการรู้จักพอเพียงและรู้จักปรับเปลี่ยนหนี้ที่มีอยู่ให้น้อยลง
หรือหากต้องการสร้างหนี้ก็ควรจะเป็นหนี้ที่มีประโยชน์ หนี้ที่นำมาเพื่อใช้ทำมาหากิน และควรประเมินตนว่าเมื่อสร้างหนี้แล้ว จะมีความสามารถในการจ่ายหนี้หรือผ่อนชำระหนี้หรือไม่
ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะหมดอนาคตเพราะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากบริษัทติดตามทวงหนี้ หรือเจ้าของหนี้ที่คุณนำมาใช้ก็เป็นได้