ตลาดหุ้นหวั่น เจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนยืดเยื้อ
บล.ไทยพาณิชย์ พบสัญญาณฟันด์โฟลว์ไม่ดี นักวิเคราะห์ฯให้ดัชนีแนวรับ 1,638 แนวต้าน 1,656-1,660 จุด ไม่ควรหลุดแนว 1,640 จุด
สัญญาณเงินทุนเคลื่อนย้ายไม่ดี นักวิเคราะห์ฯให้ดัชนีแนวรับ 1,638 แนวต้าน 1,656-1,660 จุด ไม่ควรหลุดแนว 1,640 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ ชี้ปัจจัยกดดันการลงทุนวันนี้ (13 พ.ค.) ยังเป็นเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตามล่าสุดสถานการณ์ยังตึงเครียด หลังสิ้นสุดการเจรจาการค้าไปแล้ว และยังไม่ได้ข้อสรุป เป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดภูมิภาค สำหรับหุ้นไทยคาด SET จะเผชิญปัจจัยกดดันนี้ต่อ ให้แนวรับอยู่ที่ 1,640 และ 1,634 จุด
อย่างไรก็ตาม บล.ไทยพาณิชย์ มองว่าสงครามการค้ากระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด (บนสมมติฐานไม่มีการขึ้นภาษีสินค้าจีนอีกมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์ตามคำขู่) เนื่องจากทั้งสหรัฐฯ และจีน พร้อมใช้มาตรการกระตุ้น ดังนั้น การปรับลงของตลาดมาระดับหนึ่งแล้ว มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้น โดยแนะนำกลุ่มพลังงาน และปิโตรฯ (PTTEP, TOP, IRPC, IVL) ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวกลับได้ดี หากประเด็นนี้ผ่านพ้นไป
ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล จะสร้างปัจจัยบวก แนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK SEAFCO และ STEC
สำหรับนักลงทุนต่างชาติทยอยปิด Long ต่อเนื่อง เมื่อวันศุกร์ (10 พ.ค.) ต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิ -1.6 หมื่นสัญญา ซึ่งบล.ไทยพาณิชย์ มองเป็นการปิดสถานะ Long (Short Close) ด้านยอดสะสม Long ของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่เม.ย.ลดลงเหลือประมาณ 2.1 หมื่นสัญญา ซึ่งหากยอดจำนวนนี้หมดลง จะเป็นลบต่อทิศทางกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย(ฟันด์โฟลว์) ในตลาดหุ้นมากขึ้น
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกันราว 0.3-0.6% เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจจะยืดเยื้อออกไป หลังจากที่การเจรจายังไม่สามารถจบได้ และอาจจะมีการออกมาตรการตอบโต้ระหว่างกันด้วย
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อไป ซึ่งการลงทุนก็คงจะเลือกลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวไป พร้อมให้แนวรับ 1,638 จุด ส่วนแนวต้าน 1,656-1,660 จุด ทั้งนี้ดัชนีฯไม่ควรหลุดแนว 1,640 จุด