วิถี 'นันยาง' ย่างก้าวสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน
กับแนวคิดกิจกรรมเพื่อมีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคม ผ่านคอลเล็กชันรองเท้าของนันยาง โดยแปรรูปขยะรองเท้าจากท้องทะเลสู่รองเท้าแตะ ‘KHYA” รุ่นลิมิเต็ด เอดิชัน พร้อมเปิดรับพรีออเดอร์แค่ 9 วัน สั่งแค่ไหนผลิตขายแค่นั้น
กับแนวคิดกิจกรรมเพื่อมีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคม ผ่านคอลเล็กชันรองเท้าของนันยาง โดยแปรรูปขยะรองเท้าจากท้องทะเลสู่รองเท้าแตะ ‘KHYA” รุ่นลิมิเต็ด เอดิชัน พร้อมเปิดรับพรีออเดอร์แค่ 9 วัน สั่งแค่ไหนผลิตขายแค่นั้น
จักรภพ จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด
จักรพล จันทรวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัทนันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาการทำตลาดรองเท้านันยาง ของบริษัทฯ เริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ.2496 ปัจจุบันกิจการมีอายุครบ 66 ปีเต็ม โดยความท้าทายกาคทำธุรกิจนับจากนี้ไป ภายใต้การบริหารของรุ่นสาม คือ การสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับสังคม หรือ ซัสเทนเอบิลิตี (Sustainability)
จากหลักการดังกล่าว ทำให้บริษัทวางแนวคิดการทำธุรกิจให้ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคม (CSR)ตั้งแต่สองปีก่อน โดยมีโครงการแรก คือ ผลิตรองเท้าผ้าใบนันยางลายพรางรุ่น 'พิทักษ์ ๖๑ ลิมิเต็ดอิดิชั่น' โดยรายได้จากการจำหน่ายไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้พนักงานพิทักษ์ป่า ซึ่งแม้ว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ถูกเปิดเผยในวงกว้างเท่าใดมากนัก แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นต่อการสร้างการรับรู้การมีส่วนร่วมรับผิดชอบในสังคมขององค์กร
ล่าสุดในปีนี้ บริษัทร่วมกับกลุ่มทะเลจร เปิดตัวรองเท้าแตะรุ่นพิเศษ KHYA โดยรอบเท้า 1 คู่ จะผลิตจากรองเท้าขยะที่เก็บได้จากท้องทะเลปริมาณ 5 กิโลกรัม โดยกลุ่มทะเลจรเป็นผู้นำส่งวัตถุดิบขั้นแรก(รองเท้าขยะ)ให้กับบริษัท นำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตรองเท้าแตะรุ่นดังกล่าว
“ความพิเศษรองเท้า KHYA ที่ผลิตโดยนันยาง คือ รองเท้ารุ่นดังกล่าว แต่ละข้าง แต่ละคู่จะมีเอกลักษณ์ มีความยูนีค ไม่เหมือนกัน เพราะเกิดจากกระบวนการผลิตรีไซเคิลโปรดักส์รองเท้าขยะประเภทต่างๆ ที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบของรองเท้าแตะอีกครั้ง แต่รองเท้า KHYA จะมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ทุกคู่ใช้พื้นยาง และ สายคีบยาง ที่เป็นวัสดุเดียวกับรองเท้าแตะช้างดาวของนันยาง” นายจักรพล กล่าว
สำหรับสินค้ารองเท้าแตะ KHYA (ขยะ) บริษัทวางราคาจำหน่ายอยู่ที่คู่ละ 399 บาท ราคาดังกล่าว ยังจะสะท้อนถึงต้นทุนการผลิตรองเท้ารีไซเคิลที่ได้จากขยะ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ด้วยมีหลากหลายขั้นตอน ตั้งแต่ การคัดแยก การทำความสะอาด การนำวัสดุยางมาหลอมละลายใหม่เพื่อนำวัสดุมาใช้ผลิตสินค้ารองเท้า KHYA เป็นต้น ขณะที่รองเท้าแตะช้างดาว มีราคาอยู่ที่ คู่ละ 99 บาท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มความพิเศษการทำตลาดรองเท้า KHYA ภายใต้กลยุทธ์การทำตลาดสินค้าภายในช่วงระยะเวลาจำกัด ผ่านการสั่งจองล่วงหน้า (พรีออเดอร์) เท่านั้น
โดยจะเปิดรับคำสั่งซื้อสินค้ารองเท้ารุ่นดังกล่าว เป็นระยะเวลา9 วัน (ระหว่างวันที่ 15-23 สิงหาคม) ผ่านช่องทางการสั่งจอง 1.เว็บไซต์ www.khya.net 2. LAZADA หรือ SHOPEE (ในประเทศไทย) Thailand Mart จัดส่งทั่วโลก และ 3.ที่ทำการไปรษณีย์ไทย 1,400 สาขาทั่วประเทศ และ4.THP Contact Center โดยสินค้าจะจัดส่งแก่ผู้สั่งจองช่วงประมาณเดือน พฤศจิกายน นี้
จักรพล กล่าวย้ำว่า บริษัทไม่ได้คาดหวังรายได้ที่ชัดเจนจากการเปิดตัวสินค้ารุ่นดังกล่าว ซึ่งหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาปิดรับพรีออเดอร์แล้ว หากมียอดจำนวนสั่งซื้อเท่าใด บริษัทก็จะผลิตจำนวนเท่านั้น โดยในเบื้องต้น บริษัทประเมินว่าจะมียอดผลิตรองเท้าKHYA อยู่ที่ 1,000 -2,000 คู่ และแน่นอนว่าจะนำรายได้จากการจำหน่ายรองเท้าแตะ KHYA ทั้งหมดมอบให้กับกลุ่มทะเลจร เช่นกัน
“บริษัทต้องการสร้างการรับรู้ให้กับสังคมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัว ด้วยพบว่า รองเท้า เป็นขยะที่ถูกพบมากเป็นอันดับหนึ่งในท้องทะเลไทย เนื่องจากเป็นรองเท้าเป็นขยะที่ไช้ระยะเวลาย่อยสลายยาวนาน เช่นเดียวกับพลาสติกที่ใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 400 ปี” จักรภพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตรองเท้าแตะช้างดาวอยู่ที่ 5 ล้านคู่ต่อปี โดยปีนี้บริษัทวางเป้าหมายรายได้ธุรกิจ เติบโตจากปี2561 อยู่ที่ 3-5% โดยในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 3% แล้ว
จากแผนดำเนินงานภายใต้แนวคิดการทำธุรกิจเพื่อมีส่วนร่วมรับผิดชอบในสังคมของนันยาง ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความเก๋าของนันยาง สินค้าแบรนด์ไทย ที่มีอายุร่วม66ปี อีกครั้ง ภายใต้ฝีมือของรุ่นสาม
ต่อการนำธุรกิจให้เติบโตสู่ความยั่งยืนไปพร้อมกับสังคม ต่อไป