ปูด!! ค่าโง่รถเมล์ก้อนโต 1,556 ล้าน ปมเลิก E-Ticket ช.ทวี
ขสมก.สอบด่วนกรณีเลิกสัญญา E-Ticket ส่งกลิ่น เร่งเคลียร์คดีหวั่นเป็นค่าโง่ก้อนโต 1,556 ล้านบาท ด้านคมนาคมกำชับแผนฟื้นฟู ลดจำนวนจัดซื้อรถเมล์ใหม่ เชื่ออนาคตคนใช้น้อยลง
ขสมก.สอบด่วนกรณีเลิกสัญญา E-Ticket ส่งกลิ่น เร่งเคลียร์คดีหวั่นเป็นค่าโง่ก้อนโต 1,556 ล้านบาท ด้านคมนาคมกำชับแผนฟื้นฟู ลดจำนวนจัดซื้อรถเมล์ใหม่ เชื่ออนาคตคนใช้น้อยลง
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือยื่นฟ้องจากบริษัท ช ทวี จํากัด (มหาชน) (CHO)ที่เรียกค่าเสียหาย วงเงิน 1,556 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี จากกรณีที่ขสมก.บอกเลิกสัญญาติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket)และ Cash-Box จึงยังไม่ทราบว่าเอกชนฟ้องร้องในเรื่องใดบ้าง ซึ่งคาดว่าช.ทวี จะมุ่งประเด็นไปในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากถูกบอกเลิกสัญญา ดังนั้น จึงต้องเข้าไปทบทวนขั้นตอนการส่งมอบงานของโครงการนี้ ว่ามีความซับซ้อนและมีความไม่ชอบมาพากลเช่นใด
อย่างไรก็ตามมีข้อสงสัยว่าเหตุใดขสมก.อนุญาตให้เอกชนติดตั้งเครื่องมือดังกล่าวบนรถเมล์ ทั้ง 2,600 คัน เพราะต้องมีการตรวจเช็คล็อตแรกก่อนว่าใช้งานได้ตามที่ระบุไว้ในทีโออาร์หรือไม่ เช่น ลองติดตั้ง 100 คันแรกก่อน อีกทั้งการส่งมอบยังไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในทีโออาร์ คือต้องให้เอกชนส่งมอบภายใน 1 ปี ตั้งแต่ลงนามสัญญาช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2560 แต่กลับพบว่ามีการส่งมอบกันลากยาวไปจนถึงปี 2562 แบบนี้เรื่องดังกล่าวเป็นการส่งมอบที่ขัดกับทีโออาร์ สามารถบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่
นอกจากนี้ในช่วงปลายปี 2561 ขสมก.ได้ทำหนังสือไปสอบถามกรมบัญชีกลางเรื่องการขอยกเลิกสัญญาเพียงครึ่งเดียว คือการยกเลิกสัญญา Cash –Box นั้น แสดงว่า ขสมก.และ ช.ทวี ได้มีการเจรจากันมาก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องปัญหาของโครงการ แต่สุดท้ายกลับมีการฟ้องร้องกันถึงชั้นศาล จึงน่าสงสัยว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในการเจรจา สุดท้ายยืนยันว่ากรอบเวลาของโครงการนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตนยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการ ขสมก. หลังจากนี้จึงขอพิจารณาเรื่องทั้งหมดนี้อย่างรอบคอบที่สุด
นายสุระชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องแนวทางในการต่อสู้คดี นั้น จะต้องรอรับทราบหนังสือคำร้องของคู่กรณีก่อนจึงจะเริ่มวางแผนในการต่อสู้คดีได้ แต่ คาดว่า ขสมก.มีแนวโน้มใช้ประเด็น เรื่องอุปกรณ์ที่เอกชนนำมาติดตั้งนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตามที่ตกลงในสัญญา อีกทั้งพบว่าระบบไม่เสถียร มีการทดลองหลายครั้งก็ใช้งานไม่ได้ มาใช้ประกอบในการต่อสู้คดี
สำหรับกรณีที่มีเสียงวิพากศ์วิจารณ์จากสังคมในเชิงลบว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นค่าโง่ 1,556 ล้านบาท ที่รัฐบาลต้องเสียรู้ให้เอกชนนั้น ขสมก.จะดำเนินการต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด และจะมีการรายงานให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม รับทราบ เพราะเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ได้ประกาศเอาไว้ว่ากระทรวงคมนาคมยุคใหม่ต้องไม่มีค่าโง่
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึง กรณีที่สังคมเป็นห่วงว่าการฟ้องร้องของเอกชนครั้งนี้จะเป็นค่าโง่ที่รัฐบาลต้องจ่ายให้เอกชนว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องคดีจาก ขสมก.ดังนั้นจึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวได้
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า แผนฟื้นฟูกิจการที่กระทรวงคมนาคมได้ส่งมอบให้ ขสมก.กลับไปทบทวนนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง จะต้องได้ข้อสรุปในเดือนก.ย.นี้ ส่วนสาระสำคัญ คือการทบทวนแผนจัดซื้อรถเมล์ใหม่ 3,000 คัน ได้แก่ เช่ารถเมล์ 700 คัน ซื้อรถเมล์ใหม่ อาทิ รถเมล์ไฮบริด 1,453 คัน รถเมล์ไฟฟ้า (EV) 35 คัน และการปรับปรุงสภาพรถเดิม (Refurbished) อีก 323 คัน ซึ่งเป็นมติของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบให้ดำเนินการแล้ว แต่แผนศึกษาจัดซื้อรถเมล์ใหม่ได้ดำเนินการมา 4 ปีแล้ว
อีกทั้งในอนาคตอันใกล้จะเกิดรถไฟฟ้าสายใหม่เพิ่มขึ้น จึงให้ ขสมก.ทบทวนว่าจะปรับลดจำนวนจัดหารถเมล์ลงได้เท่าใด เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารในอนาคต ซึ่งจะใช้บริการรถเมล์น้อยลง แล้วหันไปใช้บริการรถไฟฟ้าแทนเพราะมีเส้นทางสายใหม่และเส้นทางต่อขยายที่ครอบคลุมการเดินทางในเมืองหลวงมากขึ้น ดังนั้นอาจต้องมีการเสนอขอปรับมติครม.เรื่องลดจำนวนจัดหารถเมล์ใหม่ หากทุกฝ่ายเห็นชอบตรงกัน