สรรพากรจัดหนักรีดภาษี2.11ล้านล้านบาท
สรรพากรปูพรมทั่้วประเทศ ดึงบุคคลธรรมดา 3 ล้านราย และนิติบุคคลอีก 1 แสนราย ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาเสียภาษีให้ถูกต้อง
สรรพากรปูพรมทั่้วประเทศ ดึงบุคคลธรรมดา 3 ล้านราย และนิติบุคคลอีก 1 แสนราย ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาเสียภาษีให้ถูกต้อง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ประชุมเจ้าหน้าที่สรรพากรทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายการเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2563 ให้ได้ตามเป้าหมาย 2.11 ล้านล้านบาท โดยให้อำนวยความสะดวกผู้เสียภาษี ทำให้การเสียภาษีง่าย และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดเก็บเหมือนปีงบประมาณ 2562 ทำให้กรมสรรพากรเก็บภาษีได้เกินเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท ถึง 9,310 ล้านบาท เป็นการเก็บภาษีเกินเป้าปีแรกนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 ที่เก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมายมาตลอด
สำหรับการเก็บภาษีงบประมาณ 2563 จะเน้นการขยายฐานการเก็บภาษีทั้งบุคคลธรรมดา ที่ตอนนี้มีผู้อยู่ในระบบภาษี 11.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% จากปีงบประมาณก่อนหน้า จากผู้ที่ควรอยู่ในระบบ 14 ล้านคน ซึ่งยังมีผู้อยู่นอกระบบภาษีประมาณ 3.-4 ล้านคน ที่กรมสรรพากรต้องพยายามดึงเข้ามาเสียภาษี จะทำให้กรมสรรพากรเก็บภาษีได้มากขึ้น
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังขยายฐานการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ตอนนี้มีผู้จะทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ 6 แสนราย มีผู้เสียภาษี 4.6 แสนราย ซึ่งจะมีการตรวจสอบว่าผู้ที่ไม่เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพราะสาเหตุใด
"กรมสรรพากรจะใช้ทั้งไม้อ่อน คือ ชักชวนให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเข้ามาอยู่ในระบบภาษีให้ถูกต้อง เพื่อความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีที่อยู่ในระบบ รวมถึงใช้ไม้แข็งสำหรับคนที่เลี่ยงไม่เสียภาษี โดยการดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการเก็บภาษีของกรมสรรพากรไม่มีการรีดภาษีรายเล็กรายย่อย ทุกคนต้องเสียภาษีให้ถูกต้องเป็นธรรมเท่ากัน" นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวว่า ผู้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาพบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ที่มีรายได้เกิน 2,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.46% ของผู้เสียภาษีนิติบุคคล แต่มีสัดส่วนการเสียภาษีถึง 64% ของภาษีนิติบุคคลที่เก็บได้ล่าสุด 2.4 แสนล้านบาท นอกจากนี้เป็นผู้ประกอบการรายได้เกิน 500 บาท แต่ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท มีผู้เสียภาษี 1% ของผู้เสียภาษี และมีสัดส่วนการเสียภาษี 15% ของภาษีที่เก็บได้ จะเห็นว่าการเก็บภาษีส่วนใหญ่เป็นการเก็บภาษีได้จากรายใหญ่ ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการรายเล็กหรือเอสเอ็มอี
อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรเร่งพิจารณ พ.ร.บ. อี บิซิเนส (e-Business) ที่จะเก็บภาษีเงินได้จากผู้ประกอบการออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ แต่มีรายได้เกิดขึ้นในไทย โดยร่าง พ.ร.บ. อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยจะเร่งให้มีผลบังคับใช้เร็วที่สุด เพราะจะทำให้การเก็บภาษีของกรมสรรพากรได้มากขึ้น
สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีที่จะมาแทนการซื้อกองทุน LTF และการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการเสนอให้ นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งมีการเสนอหลายแนวทาง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพราะมาตรการ LTF ที่ผ่านมาพบว่าผู้มีรายได้สูงได้ประโยชน์ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น