หวังเม็ดเงิน LTF ปีสุดท้ายช่วยพยุงตลาดหุ้นโค้งท้ายปี
กองทุน"แอลทีเอฟ"จำนวน 93 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.87 แสนล้านบาท หุ้นตัวท็อปที่ลงทุน PTT CPALL และ AOT
กองทุน"แอลทีเอฟ"จำนวน 93 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.87 แสนล้านบาท หุ้นตัวท็อปที่ลงทุน PTT CPALL และ AOT
ช่วงเดือนธ.ค.ของทุกปี จะมีเงินไหลเข้าลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี 2 พี่น้อง ก็คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โดยจะกระจุกตัวในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายมากที่สุด
สำหรับกองทุน LTF ก็จะปิดฉากลงแล้วในสิ้นปี 2562 นี้ แต่ก็ยังจะเห็นแรงขับเคลื่อนจากเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาซื้อ LTF ก่อนสิ้นปี ซึ่งถือเป็นรอบสุดท้ายแล้ว
ข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส ระบุว่า ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิในหุ้นไทยเพียง 2,500 ล้านบาทเท่านั้น แต่จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า สถาบันฯซื้อสุทธิหุ้นไทยช่วง 2 เดือนสุดท้ายเฉลี่ยสูงถึง 2.08 หมื่นล้านบาท (ซื้อสุทธิ 9 ใน 10 ปี)
ดังนั้นในปี 2562 นี้ นักลงทุนยังซื้อ LTF น้อยอยู่ จึงมีโอกาสที่จะเห็นแรงซื้อที่จะมากระจุกตัวในเดือนธ.ค.นี้มากขึ้น โดยมีโอกาสสูงที่จะเกิดการทำ วินโดว์ เดรสซิ่ง หรือการดันราคาหุ้นของนักลงทุนสถาบัน เพื่อให้พอร์ตที่ลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้งบการลงทุนรายไตรมาสออกมาดูดี
มาดูกันว่าหุ้นที่กองทุนนิยมลงทุน หรือหุ้นในพอร์ตกองทุน 10 อันดับแรก มีหุ้นอะไรบ้าง และจะช่วยสร้างบรรยากาศให้คึกคักได้หรือไม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
บล.เอเซีย พลัส ได้คัดกรองหุ้นที่นักลงทุนสถาบันนิยมซื้อสะสมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เริ่มจากค้นหารายชื่อหุ้นที่กองทุน LTF นิยมลงทุนมากที่สุด ในกองทุน LTF ทั้งหมด 93 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกันกว่า 3.87 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2562) โดยรายชื่อหุ้น 10 ตัวที่กองทุนนิยมถือมากที่สุด ตัวอย่างเช่น PTT 8.5% CPALL 7.7% AOT 4.9% BBL 4.0% ADVANC 3.6 % (ตารางประกอบ)
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ คาดว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ เม็ดเงินจากกองทุนLTF และกองทุน RMF จะไหลเข้าซื้อหุ้นไทยน้อยกว่าที่คาด หลังภาวะเศรษฐกิจยังส่งสัญญาณอ่อนแอต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการใช้จ่าย รวมถึงระมัดระวังเรื่องการลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเงิน LTF เข้าซื้อหุ้นไทยประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะมีเงินเข้าซื้อที่ 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ RMF คาดว่าจะมีเงินไหลเข้าเพียง 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีเงินไหลเข้าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท