นันยาง ไอเดียบรรเจิด เปิดตัวรองเท้าไม่ผูกเชือก ลดสัมผัสโควิด-19
"นันยาง" ปลุกตลาดรองเท้านักเรียนให้คึกคัก ด้วยรุ่นไม่ต้องผูกเชือก เจาะเด็กประถม พร้อมทำตลาดไปเรื่อยๆ จนกว่าาโควิดจะหมดไปจากไทย
นายจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า การเติบโตทางธุรกิจในปี 2563 เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 นั้น "นันยาง" ได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส มอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ให้แก่ทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียนประถม ด้วยการเปิดตัวรองเท้าผ้าใบนักเรียน Nanyang Have Fun ใหม่ ที่มาพร้อมเชือกยืดหยุ่น ไม่ต้องผูก ลดการสัมผัสเชื้อโรคจากรองเท้า เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ เพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ปกครอง และเพิ่มความปลอดภัยต่อเด็กนักเรียน
โดยจะแถมฟรีเชือกยืดหยุ่นมูลค่า 69 บาทจนกว่า COVID-19 จะหมดไปจากประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้มอบเชือกยืดหยุ่นให้แก่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรองเท้านันยางทั่ว ประเทศอีก 120,000 ขุดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้เด็กไทยมีสุขอนามัยที่ดีห่างไกลโรค
“จากโปรเจควิจัยเฉพาะกิจ ‘นันยาง X ฮัมมิ่งเบิร์ด Inside Thai Kids’ เพื่อเจาะลึกแนวคิดของเด็กไทยวัยประถม ทำให้นันยาง พบโอกาสในการพัฒนา Nanyang Have Fun ในครั้งนี้ขึ้น เพราะจากผลสำรวจระบุว่า ปัญหาใหญ่ของเด็กประถมคือการผูกเชือกรองเท้า โดยเฉลี่ยเด็กๆ จะต้องผูกเชือกมากกว่าคนละ 10 ครั้งต่อวัน ซึ่งมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคจากรองเท้า เชือกยืดหยุ่นจึงช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ รวมถึงเพิ่มความสะดวกให้แก่ทั้งตัวเด็กและผู้ปกครองอีกด้วย” นายจักรพล กล่าว
ทั้งนี้ รองเท้าผ้าใบนักเรียน Nanyang Have Fun ใหม่ ไม่ต้องผูกเชือก ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อนักเรียนชั้นประถมโดยเฉพาะ ราคา 285 บาท แถมเชือกยืดหยุ่นมูลค่า 69 บาทจนกว่า COVID-19 จะหมดจากประเทศไทย มีให้เลือกตั้งแต่เบอร์ 28 – 36 เหมาะสำหรับเด็กอายุระหว่าง 4 – 10 ปี มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว ดำ และน้ำตาล พร้อมเชือกผูกรองเท้าปกติ โดยสินค้าทยอยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้เป็นต้นไปที่ร้านรองเท้ากว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ บิ๊กซี โลตัส และช่องทางออนไลน์ Lazada Shopee JDCentral
สำหรับในปี 2562 นันยาง มีผลประกอบการสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 10% จากยอดขายที่เติบโตของรองเท้าผ้าใบนักเรียนในช่วงครึ่งปีแรก โดยยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งที่ 43% และช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้สูงขึ้นจากการส่งออกไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท และการทำการตลาดที่โดนใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ในปี 2563 ถือเป็นปีที่ท้าทายตั้งแต่ก้าวแรกของปี โดยนันยางเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ ละเอียด และรวดเร็ว ตั้งมั่นในความไม่ประมาทที่สำคัญต้องเรียนรู้ที่จะแสวงหาโอกาสจากปัญหา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 5% และไม่มีแผนปรับลดแต่อย่างใด
โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 สาเหตุมาจากร้านค้าได้ซื้อสินค้าเพื่อเตรียมรับช่วงเปิดเทอมในช่วงไตรมาส 3 และการอ่อนตัวของค่าเงินบาทส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศพม่าที่เป็นช่วงไฮซีซั่นและมีเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต