AWC ดึง3แบรนด์โรงแรมในเชียงใหม่ ‘มีเลีย-แมริออท-อินเตอร์คอนฯ’ จุดหมายภาคเหนือฟื้นเที่ยวไทยปี65      

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีกและโรงแรม เปิดเผยว่าบริษัทมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ด้วยมั่นใจว่าหากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายในปี 2565 ทุกกลุ่มธุรกิจของ AWC จะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด 

“สอดคล้องกับเทรนด์การเดินทางที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบ Long Stay และ Workation ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางในวันธรรมดามากขึ้น  เปิดโอกาสให้บุคลากรในหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ และกลุ่มคนวัยทำงาน สามารถเปลี่ยนสถานที่ทุกที่ให้เป็นที่ทำงาน ท่ามกลางบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิม” นางวัลลภา กล่าว

ขณะเดียวกันหากสถานการณ์โควิด-19คลี่คลาย โดยภาครัฐเตรียมประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นในเดือนก.ค.ปีนี้ บริษัทฯได้ตรียมความพร้อมธุรกิจในเครือภายใต้กลยุทธ์การผสานความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจะนำประสบการณ์ด้านต่างๆของกลุ่ม AWC อาทิ บริการเวลเนส ที่พัก อาหาร ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ เข้ามาเชื่อมต่อในรูปแบบโปแกรมการท่องเที่ยวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาในประเทศ

นางวัลลภา กล่าวว่า ล่าสุด AWC เสริมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจโรงแรม โดยเปิดตัวโรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ โดยแบรนด์มีเลียเป็นโรงแรมแห่งแรกของกลุ่มผู้บริหารรีสอร์ทชั้นนำที่ใหญ่สุดจากสเปน เข้ามาเปิดในภาคเหนือของไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2565 วางตำแหน่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาด 260 ห้องพัก ตั้งอยู่บนพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญใกล้แม่น้ำปิงและไนท์บาซาร์ย่านค้าขายที่มีชื่อเสียงของจังหวัด รองรับกลุ่มเป้าหมายนักเดินทาง นักท่องเที่ยว คนรุ่นใหม่ และกลุ่มการจัดประชุมสัมมนา (ไมซ์)  

โดยโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในแบรนด์กลยุทธ์ธุรกิจโรงแรม-สำคัญของ AWC เพื่อรองรับการฟื้นตัวการท่องเที่ยวในภาคเหนือ โดยมีอีกสองแบรนด์โรงแรมอยู่ระหว่างปรับปรุงโฉมใหม่ คือ โรงแรมแม่ปิงเดิมรีแบรนด์เป็น อินเตอร์ คอนติเนนทัล และ แบรนด์โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ เตรียมเปลี่ยนชื่อมาเป็น แมริออท บอนวอย ซึ่งและแบรนด์จะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ที่แตกต่างกันออกไป  

นางวัลลภา กล่าวว่าภาพรวมยอดจองโรงแรมของ AWC  ซึ่งมีอยู่ 19 แห่ง ในช่วงต้นปี 2565 เป็นไปอย่างคึกคัก มียอดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทได้มีการลงทุนพัฒนาโครงการคุณภาพใหม่ๆ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการกลับมาของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย พร้อมสร้างจุดหมายปลายทางแห่งการทำงานและพักผ่อนในระดับสากล

ด้านนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าหลังจากประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ โดยยกเว้นการตรวจแบบ RT-PCR จากประเทศต้นทางก่อนเดินทางเข้าไทย เหลือเพียงการตรวจแบบ Test & Go ในวันแรกเมื่อเดินทางมาถึงและตรวจ self-ATK อีกครั้งในวันที่ 5 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในภาพรวมของไทยกลับมาคึกคักทันทีตั้งแต่วันแรกของมาตรการ สะท้อนผ่านจำนวนเที่ยวบินรวมถึงจำนวนตัวเลขของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึงหลักหมื่นคนต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 

โดยในปี 2565 นี้ทาง ททท.ได้ตั้งเป้ายอดนักเดินทางชาวต่างชาติเอาไว้ที่ 7 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ถึง 1.07 ล้านล้านบาท และกลับมาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกครั้ง

“ภาครัฐยังเตรียมนโยบายผลักดันเพื่อปลดล็อกเงื่อนไขการเข้าประเทศทั้งหมดให้เหมือนกับก่อนวิกฤตโควิด-19 (ก่อนปี 2563) ด้วยการนำเสนอ ศบค. เพื่อยกเลิกการลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass รวมถึงการเข้าประเทศในรูปแบบต่างๆ ทั้ง Test & Go และ Sandbox ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะทยอยชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นางสาวสมฤดี กล่าว