TCP เปิดเกมใหม่บุกเครื่องดื่มให้พลังงานต่างประเทศ ลุยแบรนด์ใหม่เพื่อสุขภาพเจาะคนไทยเข้าสังคมสูงวัย 

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มให้พลังงาน แบรนด์ กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ ไฮ่! เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์ เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มให้พลังงาน (Ebergy Drink) ประเทศไทยนับจากนี้ไปอาจมีการเติบโตชะลอตัวลง จากปัจจัยกลุ่มผู้ริโภคของไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยทำให้ บริษัทมองเห็นช่องว่างการทำตลาดสินค้านวัตกรรมภายใต้แบรนด์ใหม่ในกลุ่มสินค้า Health & Wellness มากขึ้น รวมถึงขยายการทำตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน ในประเทศใหม่ๆทดแทน ภายใน3ปีนับจากนี้ 

สำหรับแนวทางดังกล่าว ยังสอดล้องกับแผนงาน 3 ปี (2565 -2567) ของกลุ่มธุรกิจ TCP โดยเตรียมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ขยายการลงทุนโรงงานใหม่ในประเทศจีน การเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าเครื่องดื่มให้พลังงานในต่างประเทศ การลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในด้านธุรกิจ พร้อมมีร่วมกับสังคมและและสิ่งแวดล้อมทั้งไทยและต่างประเทศ

โดยดำเนินการภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ  1.ปลุกพลังแบรนด์สินค้า (Fulfilling) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 10 ตัวภายใต้แบรนด์ “กระทิงแดง” เครื่องดื่มให้พลังงานระดับโลกและเป็นผู้นำในตลาดเอเชีย ภายใน 3 ปีทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างความแตกต่างทั้งรสชาติและภาพลักษณ์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น  รวมถึงส่งแบรนด์อื่นๆ ภายใต้ House of Great Brands เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย และพัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์ใหม่ๆ อย่างน้อย  5 ผลิตภัณฑ์ ด้วยการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค (Unmet needs)  มุ่งเน้นไปที่ตลาดด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ( Health & Wellness)    

กลยุทธ์ ที่2 ปลุกพลัง ธุรกิจเติบโต (Growing) โดยทำตลาดเชิงรุก ทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆในองค์กร โดยนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น 

ทั้งบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล (Data management & Analysis)  ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) และการบริหารจัดการข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารต่างๆ (Omnichannel) 

“รวมถึงพัฒนาบุคคลากรให้เติบโตไปพร้อมเทคโนโลยี อีกทั้งยังส่งเสริมการทำงานในลักษณะของ Work-life integration ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว” นายสราวุฒิ กล่าว 

และ กลยุทธ์ที่3 ปลุกพลังห่วงใยสิ่งแวดล้อม (Caring) โดยกลุ่มธุรกิจ TCP จะมุ่งเน้นไปยัง3เรื่องเร่งด่วน คือ การตั้งเป้า “เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” จากทุกกระบวนการทำงานทั้งธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ ภายในปีพ.ศ. 2593 “บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน Circular Economy”  พัฒนาบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ในกลุ่มธุรกิจ TCP ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปีพ.ศ. 2567 

พร้อมร่วมกับพันธมิตรที่เป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก เพื่อสนับสนุนการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคทั้งขวดแก้ว กระป๋องอลูมิเนียม และขวดพลาสติกเข้าสู่ระบบ กลับเข้ามาสู่วงจรการรีไซเคิล และด้าน “Water Sustainability การจัดการน้ำยั่งยืน” ตั้งเป้าคืนน้ำกลับสู่ธรรมชาติและชุมชนให้มากกว่าน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต (Net Water Positive) ภายในปีพ.ศ. 2573  โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ลดการใช้น้ำ และทำงานร่วมกับพันธมิตรและชุมชนใน 3 ประเทศ คือ ไทย จีน และเวียดนาม ที่มีโรงงานตั้งอยู่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ทรัพยากรน้ำในพื้นที่ดังกล่าว

นายสราวุฒิ กล่าวเสริมว่าจากแนวโน้มราคาวัตถุดิบการผลิตสินค้า รวมไปถึงค่าพลังงานที่ปรับสูงขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา กระทบยังต้นทุนการดำเนินธุรกิจและการขนส่งกระจายสินค้ารอบด้านของกลุ่มธุรกิจ TCP เช่นกัน โดยบริษัทเร่งให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อประคองราคาสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงาน (Energy Drink) ให้คงที่ไว้ได้นานที่สุด ในปีนี้

ขณะที่ความท้าทายของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คือ ไม่ชัดเจนว่าเป็นเพียงชั่วคราว หรือ ถาวร ทำให้ ทีซีพี ต้องต้องปรับการบริหารารจัดการกลยุทธ์ ด้านการผลักดันองค์กรเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ มีการดำเนินธุรกิจดีขึ้น โดยในท้ายสุดแล้วจะนำไปสู่การลดต้นทุนในภาพรวม เพื่อตรึงราคาสินค้าเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ไปพร้อมติดตามสถานณ์อย่างต่อเนื่อง

จากแผนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวส กลุ่มธุรกิจTCP วางเป้า รายได้โต 2 เท่าเป็น 90,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปี