MQDC ส่งลูก ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส’ รุกลงทุนตปท. เน้นดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส (DTP) เปิดเกมรุก! วางกลยุทธ์ลงทุนใน 4 ธุรกิจหลัก พร้อมดูแลสังคม สิ่งแวดล้อมในทุกธุรกิจและโลเคชั่นที่เข้าไปลงทุน สร้างการเติบโตและสร้างความยั่งยืนร่วมกัน
ปัจจุบันโลกมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายองค์ทั่วโลกจึงมีแผนผลักดันนโยบายและแนวคิดต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับการผลิตสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” และ “โอกาส” ให้กับองค์กรสำหรับการเติบโตในอนาคต
และสิ่งที่สำคัญพอๆ กับการแข่งขันก็คือการ ความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Business ที่องค์กรทั่วโลกกำลังตอบรับกระแสในเรื่องนี้กันถ้วนหน้า การทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์บนแนวคิดเรื่องความยั่งยืน แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมิติทางสังคมกลายเป็นแกนกลางสำคัญของการทำธุรกิจยุคใหม่ในศตวรรษนี้อย่างแท้จริง และยังนับเป็นภารกิจและเป้าหมายของ ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส หรือ DTP ผู้ดำเนินกิจการด้านการบริหารจัดการ การลงทุน ภายใต้กลุ่ม บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ของ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย
ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส (DTP) แจ้งเกิดเป็นหนึ่งในบริษัทลูก MQDC ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้กลุ่มธุรกิจ DTGO โดย MQDC ซึ่งเป็น Property Development มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ และโครงการรูปแบบ Theme Project ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ย่านถนนบางนา-ตราด
ขณะที่ DTP ทำหน้าที่เป็นบริษัทลงทุนระดับสากล Global Investment Company เดินหน้าลงทุนและระดมทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพทั่วโลกเพื่อก่อให้เกิดรายได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจเชิงนวัตกรรมที่หลากหลายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ กลุ่มธุรกิจ DTGO พร้อมต่อยอดแนวคิดการทำธุรกิจ แนวนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ที่สอดรับกับปรัชญา For All Well-Being ของ MQDC
ล่าสุด DTP พร้อมเปิดเกมรุก! วางกลยุทธ์ลงทุนใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ Global Investment, Asset Management, Fund Management และ VC & Innovative Investment เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับอีโคซิสเท็มของกลุ่มบริษัท DTGO
หรรสา สุสายัณห์ ประธานกรรมการ บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส จำกัด หรือ DTP กล่าวว่า พันธกิจของ DTP มุ่งสู่ “Global Investment Company” ที่ให้ความสำคัญ กับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน สอดรับกับปรัชญาของ MQDC ภายใต้แนวคิดของกลุ่ม DTGO เพิ่มคุณค่าในทุกสิ่งที่ทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม หรือ “Adding Value in Everything We Do”
ฐิติ ทองเบญจมาศ ประธานผู้อำนวยการ DTP กล่าวเสริมว่า DTP ทำหน้าที่เป็นบริษัทลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ต่างๆ ในการลงทุนบราวน์ฟิลด์ เพื่อสร้าง “โอกาส” ในอนาคต ประกอบด้วย 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่
1.Global Investment ทำหน้าที่มองหาธุรกิจที่มีศักยภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต โดยมองเห็นโอกาสการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ดูไบ จีน อินเดีย เวียดนาม สิงคโปร์ ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ที่มีศักยภาพในแต่ละทำเลแตกต่างกัน
อย่างไรก็ดี ช่วง 2 เดือนก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 DTP ได้เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักร จำนวน 17 แห่ง ภายใต้เชน Hilton IHG และ Marriott กระจายอยู่ในหัวเมืองต่างๆ มีห้องพักรวมทั้งหมด 3,383 ห้อง
2.Asset Management ระบบบริหารจัดการทรัพย์สิน ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในธุรกิจโรงแรม การดูแลพนักงานกว่า 1,200 คนในช่วงโควิด (หลังจากเข้าซื้อ) โดยไม่มีการเลย์ออฟและลดเงินเดือนพนักงาน สร้างความประทับใจให้ทีมงานได้เป็นอย่างดี เมื่ออังกฤษเปิดประเทศสามารถให้บริการต่อเนื่องได้ทันที เพราะเหตุนี้เราจึงไม่มีปัญหาขาดแคลนทีมงานเหมือนกับโรงแรมอื่นๆ
ขณะเดียวกัน มีแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อลดการสร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าแทนน้ำมันเข้ามาใช้ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยล็อกราคาพลังงานล่วงหน้าก่อนเกิดสงคราม พร้อมทั้งมีแผนที่จะลงทุนติดตั้ง “โซลาร์พาแนล” บนหลังคาโรงแรมอีกด้วย
"การลงทุนในธุรกิจโรงแรม 17 แห่งในสหราชอาณาจักร จะมีการบริหารจัดการพอร์ต รองรับไลฟ์สไตล์คนอังกฤษที่เปลี่ยนไป ซึ่งนิยมอยู่ในหัวเมืองต่างๆ มากขึ้นด้วย"
ในเชิงสังคมบริษัทมีแผนช่วยเหลือสังคมและชุมชนรอบข้างที่เข้าไปลงทุนโรงแรมเริ่มจากเมืองแมนเชสเตอร์นำร่อง ก่อนขยายไปในโรงแรมต่างๆ
3. Fund Management การบริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดได้ตั้งกองทรัสต์ DTPHREIT มูลค่าโครงการ 4,107 ล้านบาท หลังจากปิดขายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางกองทรัสต์ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในทำเลศักยภาพสูงของ MQDC ได้แก่ การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และงานระบบต่างๆ ในโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) และลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมยู เขาใหญ่ ซึ่งเป็นกองทรัสต์ประเภท REIT buy-back ที่มีข้อตกลงให้เจ้าของเดิมรับซื้อทรัพย์สินคืนในวันสิ้นสุดการลงทุน
และ 4.VC & Innovative Investment เป็นการร่วมลงทุนกับธุรกิจต่างๆที่มีโอกาสในการเติบโตเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโลกยุคต่อจากนี้ไปโดยไม่จำกัดอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์เท่านั้น โดยมีการลงทุนเข้าไปในนวัตกรรมของREDDS Technology Fund และ เทคโนโลยีแชตบอท เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายตัวได้ (Scalable) และทำกำไรได้
ฐิติ กล่าวต่อว่า การลงทุนของ DTP ให้ความสำคัญใน 3 ด้านหลัก คือ 1. Business Synergy การลงทุนที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอดทางธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม DTGO ได้ 2. Monetization เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถพัฒนาให้เติบโต ขายเพื่อเพิ่มรายได้ หรือสามารถนำไประดมทุนผ่านกองทุนฯ หรือเครื่องมือการเงินต่าง ๆ ได้ เพื่อนำเงินกลับมา สร้างโอกาสในการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง (Re-Investment Opportunity) 3. Risk Diversification ต้องเป็นการลงทุนที่ช่วยกระจายความเสียง ทั้งเรื่องของ Industry, location และ Financial Risk นอกจากนี้ มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน รวมถึงกระจายโลเคชั่นเข้าไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพต่าง ๆ ของโลก
พันธกิจเหล่านี้สานเป้าหมาย "ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส-Global Investment Company" ที่มุ่งดูแลสังคม สิ่งแวดล้อมในทุกธุรกิจและโลเคชั่นที่เข้าไปลงทุน สร้างการเติบโตและสร้างความยั่งยืนร่วมกัน