“ปราสาททองโอสถ” เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ในไทย
"ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ" ผู้ก่อตั้ง-เจ้าของ BDMS กุมอาณาจักร โรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่สุดในไทยถึง 47 แห่ง และยังถือครองหุ้นในธุรกิจโรงแรม และสื่อ ที่ล่าสุดยังถือหุ้นช่อง ONE อยู่ 25% มีรวมมูลค่าเกือบ 5 แสนลบ. ถือเป็นหมอนักช้อปผู้มั่งคั่ง ที่ยังไม่หยุดกวาดหุ้นในเร็ววันนี้
หากพูดถึงนักธุรกิจชั้นนำ อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ต้องมีชื่อของ “ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” จากอดีตศัลยแพทย์สู่ผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดของเมืองไทย เขามีอาณาจักรโรงพยาบาลในเครือถึง 47 แห่ง รวมถึงธุรกิจสุขภาพที่ให้บริการคนไทยครอบคุลมพื้นที่ทั่วประเทศ จนถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจบริการทางการแพทย์และสุขภาพ ผ่านกิจการของเขาในนาม บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS)
สำหรับแบรนด์หลัก ๆ ที่อยู่ภายใต้ BDMS ซึ่งหลายคนน่าจะคุ้นเคยหรืออาจใช้บริการอยู่แล้ว ก็มีโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลเปาโล และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช จึงไม่แปลกที่รายได้ 77% ของบริษัทมาจากฐานลูกค้าคนไทยจากผลประกอบการช่วง 9 เดือนของปีนี้
โดยล่าสุด BDMS มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Caps.) ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท ณ วันที่ 26 ธค. 2565 ซึ่งขณะนี้มีบุตรสาวคนโต คือ พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ผู้สานต่ออาณาจักรของหมอเสริฐ ในฐานะประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BDMS
ยังไม่รวมอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญของตระกูล ปราสาททองโอสถ คือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ดำเนินกิจการภายใต้ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ซึ่งปัจจุบันดูแลโดยบุตรชายคนที่สอง คือ กัปตัน นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ในฐานะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งล่าสุดมีมูลค่า Market Caps ที่ราว 2.6 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 26 ธค. 2565
นอกจากนี้หมอปราเสริฐ ยังได้ขึ้นชื่อว่า เป็น “หมอนักช็อป” จากที่ตัวเขาไปซื้อหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ทำให้ได้ครอบครองทรัพย์สินอีกมากมาย จนติดโผหนึ่งใน 50 เศรษฐีไทยจากการจัดอันดับของ Forbes เมื่อปี 2565 ด้วยความมั่งคั่ง หรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อปี ที่สูงถึง 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือรวยเป็นอันดับที่ 7 นั่นเอง
ความมั่งคั่งของปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ
อีกทั้ง จากการที่หมอเสริฐเดินหน้าเข้าซื้อกิจการมากมายหลายแห่ง จึงทำให้เขาก้าวขึ้นทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ต่อเนื่องในปี 2563 (อ้างอิงจากวารสารการเงินธนาคาร) โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 50,079.31 ล้านบาท
สำหรับทิศทางการเติบโตของ BDMS ซึ่งเป็นขุมทรัพย์หลักของตระกูลปราสาททองโอสถนั้น นักวิเคราะห์มองว่า ทิศทางรายได้หลัก ๆ มาจากผู้ป่วยไทย กลุ่ม non-covid ที่ยังเติบโตสูงถึง22% แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565
ขณะที่รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่บินเข้ามารักษากลับฟื้นตัวชัดเจนถึง 74% ทั้งผู้ป่วย CLMV และผู้ป่วยตะวันออกกลาง ขณะที่ไตรมาส 4 ของปีนี้ ยังมีรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มเดิม และ จีน แต่ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากยุโรป ออสเตรเลีย ตลอดจนตลาดใหม่ อย่างซาอุดิอาระเบีย และบังคลาเทศเพิ่มเข้ามา
จึงทำให้มีการคาดการณ์เป้ารายได้ปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 1.25 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 57.9% นอกจากนี้ยังมีการตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า ราว 6-8% ต่อปีอีกด้วย จึงชัดเจนว่า BDMS มีจุดเด่นจากลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วนถึง 15% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วน BA น่าจะไปได้สวยจากธุรกิจการบินที่กลับมาฟื้นตัวตามทิศทางท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งครัวเรือนการบิน บริการภาคพื้น คาร์โก้ และธุรกิจสนามบินที่ฟื้นตัวตามกิจการการบินที่สูงขึัน
ดังนั้นจึงทำให้ผลประกอบการไตรมาส3 ของ BA มีรายได้รวม 3,454 ล้านบาท แต่ยังคงมีผลขาดทุนที่ 393 ล้านบาท แต่หากไม่รวมการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ก็จะขาดทุนเพียง 138 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินทุน 123 ล้านบาท
ส่วนทิศทางไตรมาส 4 นั้น นักวิเคราะห์มองแนวโน้มการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารคาดว่า ตัวเลขจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 เพราะได้รับผลดีจากช่วง High Season ของการท่องเที่ยว และทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เมื่อมามองถึงบทบาทของปราเสริฐในฐานะหมอนักช้อปมือยงนั้น เขาจัดว่าเป็นนักลงทุนที่เข้าขั้นใจถึง ไล่ซื้อสินทรัพย์มากมายเป็นเม็ดเงินมหาศาล โดยเฉพาะดีลเข้าซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีกหลายแห่งมาไว้ในครอบครอง อาทิ ในปี 2553 ที่ไปซื้อหุ้นโรงพยาบาลประสิทธิพัฒนาหรือโรงพยาบาลเปาโล และโรงพยาบาลพญาไท ของนายวิชัย ทองแตง ที่มีมูลค่าเฉียด 10,000 ล้านบาท ยังมีดีลอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ ในปี 2559 ได้เข้าซื้อหุ้นโรงแรม สวิส โฮเต็ล ปาร์ค นายเลิศ ด้วยเม็ดเงิน 10,800 ล้านบาท จากตระกูล “สมบัติศิริ” เพื่อเป็นศูนย์สุขภาพ คลินิก BDMS Wellness Clinic สุดหรู ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนวิทยุ
นอกจากนี้ยังเคยถือหุ้นในโรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) และโรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) ที่เข้าไปถือหุ้นตั้งแต่ปี 2547 นอกจากเข้าซื้อทรัพย์สินในโรงพยาบาลแล้ว ยังเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจ“สื่อ” อย่าง สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล PPTV ช่อง 36 แม้ก่อนหน้านี้ ตระกูล ปราสาททองโอสถ ได้เทขายหุ้นใน บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) หรือ ONEE จำนวน 15% แต่ปัจจุบันตระกูล ปราสาททองโอสถ ยังคงถือหุ้นใน ONEE ในสัดส่วน 25% จากเดิมสัดส่วน 40% โดยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด และเป็นกรรมการของบริษัทต่อไป
หมอเสริฐไม่ได้สนใจเฉพาะการเก็บหุ้นจากบริษัทต่าง ๆ เท่านั้น ตัวเขายังรักการสะสมงานศิลปะและชิ้นงานที่มีคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์ด้วย โดยเก็บสะสมไว้ในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมด 4 หลังในจังหวัดสุโขทัย ได้แก่ พิพิธภัณฑ์จีน สุโขทัย รัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์ฟอสซิล
แต่ก็ยังเผื่อแผ่ให้คนกรุงเทพได้ชื่นชมด้วย โดยนำส่วนหนึ่งของโครงกระดูกไดโนเสาร์จำลองจากพิพิธภัณฑ์ที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นแบบจำลองไดโนเสาร์ และแบบจำลองโครงกระดูกไดโนเสาร์ ในยุคครีเทเชียสตอนต้นและตอนกลาง ทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ที่ค้นพบซากฟอสซิลในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก มาแสดงที่ BDMS Wellness Clinic เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและศึกษาได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
หลังจากนี้ต้องติดตามต่อว่าหมอเสริฐจะยังเสาะหาหุ้นใหม่ ๆ มาเสริมพอร์ตให้มั่งคั่งไปอีกแค่ไหน หรือสนใจเก็บงานศิลปะและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ามาไว้ชื่นชมเพิ่มเติมอีกมากน้อยเพียงใด แต่ที่แน่ ๆ คือยังไม่จบเพียงแค่นี้