ดีอีเอส เตรียม เสนอ ครม.เพิ่มอำนาจธนาคาร-กสทช. ปราบบัญชีม้า
ดีอีเอส จ่อชง ครม.ออกกฎหมายปราบแกงค์คอล เพิ่มอำนาจธนาคารระงับบัญชีม้าภายใน 2 ชั่วโมง และกสทช.สามารถระงับสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เปิดเผยว่า ภายในเดือน ม.ค. 2566 กระทรวงดีอีเอสเตรียมเสนอ พ.ร.ก มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเพิ่มอำนาจให้ธนาคารและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีอำนาจในการระงับบัญชีม้า,ระงับซิมการ์ด และตัดสัญญาณโทรศัพท์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ทันทีภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นจะนำเสนอต่อสภาฯพิจารณาเพื่อบังคับใช้ต่อไป
สำหรับกรอบการทำงานตามกฎหมายนี้ เมื่อมีผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีม้า ผู้เสียหายสามารถแจ้งธนาคารเพื่อให้ธนาคารตัดสินใจระงับการโอนเงินได้ภายในไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันความเสียหายและแก้ปัญหาบัญชีม้า จากนั้นผู้เสียหายค่อยดำเนินการไปแจ้งความภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อดำเนินคดีต่อไป จากเดิมที่ผู้เสียหายต้องดำเนินการแจ้งความกับตำรวจก่อน ทำให้การระงับความเสียหายล่าช้า เพราะธนาคารไม่มีอำนาจในการระงับบัญชีของลูกค้าตามกฎหมาย
นอกจากนี้ยังเพิ่มอำนาจให้ธนาคารสามารถมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของบัญชีม้าที่ผิดปกติภายใน 7 วัน ได้ หากต้องสงสัยว่า เป็นบัญชีม้า ธนาคารสามารถระงับบัญชีได้ทันที จากนั้นจึงเรียกเจ้าของบัญชีมาแสดงตัว หากไม่แสดงตัวต้องแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะที่ กสทช.เอง ก็มีอำนาจในการระงับการใช้งานโทรศัพท์มือถือด้วย เพราะการโอนเงินออนไลน์ต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์มือถือ รวมถึงอำนาจในการตัดสัญญาณโทรศัพท์ที่มาจากชายแดนด้วยการลักลอบใช้งานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ดีอีเอสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสบความสำเร็จอย่างมากในความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา เพื่อปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ Hybrid Scam ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันระหว่างไทย และกัมพูชา โดยกระบวนการทำงานมีการตรวจสอบจากข้อร้องเรียนว่า มีคนร้ายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่จุดไหน มีการร่วมกันจับกุมปรามปรามคนร้าย รวมถึงการส่งกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ทำให้กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีทราบพิกัดการกระทำผิด มีการปิดกั้นสัญญาณและเข้าจับกุม ซึ่งจะช่วยกันแก้ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และสามารถปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายได้อย่างจริงจัง