เนสท์ติฟลาย ให้กู้ผ่านแอปฯใช้หุ้นค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 60 %

21 มีนาคม 2566

เนสท์ติฟลาย ผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์ แห่งแรกในประเทศไทย เปิดตลาด เปิดบริการให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั่วไปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แอปพลิเคชัน StockLend by NestiFly โดยใช้หุ้นใน SET เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้วงเงินสูงสุดเต็มที่ไม่เกิน 60% ของมูลค่าหุ้น

เนสท์ติฟลาย ให้กู้ผ่านแอปฯใช้หุ้นค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 60 %

          นายพิชิต จงสฤษดิ์หวัง ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด กล่าวว่า ปัญหาหนึ่งของผู้ประกอบการธุรกิจ บริษัทขนาดเล็กคือมักเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก หรือแม้แต่ผู้ประกอบอาชีพอิสระซึ่งอาจมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ในบางครั้งอาจต้องการสภาพคล่องระยะสั้น แต่ด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดบางอย่างของสถาบันการเงินในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน หรือไม่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ได้เพียงพอ

          ในโลกการเงินยุค FinTech จึงเกิดนวัตกรรมทางการเงินที่เรียกว่า Alternative Financing ที่เข้ามาเป็นตัวเลือกหรือช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น Crowdfunding หรืออีกหนึ่งเครื่องมือที่กำลังแพร่หลายทั่วโลกอย่าง Peer-to-Peer Lending (P2P)

          Peer-to-Peer Lending (P2P) คือธุรกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั่วไปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน แต่เป็นการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีแพลตฟอร์มเป็นตัวกลางในการจับคู่ระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้

          แม้จะกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2005 ในประเทศอังกฤษ และปัจจุบันแพร่หลายทั้งในยุโรป อเมริกาและเอเชีย ซึ่งมีจำนวน P2P Lending Platform กระจายตัวอยู่มากกว่า 3,000 แพลตฟอร์ม แต่การรับรู้และความเข้าใจเรื่อง P2P Lending Platform ในประเทศไทยเองยังเพิ่งเริ่มต้น

เนสท์ติฟลาย ให้กู้ผ่านแอปฯใช้หุ้นค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 60 %

          ทั้งนี้ บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด นับเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์รูปแบบ Peer-to-Peer Lending (P2P) แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง และผ่านการทดสอบผ่านภายใต้  Regulatory Sandbox โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงิน

          “บริษัทถูกตั้งขึ้นมาจากกลุ่มคนที่มีประสบการณ์สองสาขา คือ ด้านการเงิน การธนาคาร และด้านเทคโนโลยี ซึ่งนอกเหนือจากบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ อีกสิ่งหนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญควบคู่กัน คือการทำงานในรูปแบบกึ่งพันธมิตรร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เพื่อให้มีการทำงานที่รัดกุม”

เนสท์ติฟลาย ให้กู้ผ่านแอปฯใช้หุ้นค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 60 %

          นายพิชิต กล่าวว่า สิ่งที่ต้องโฟกัสในระยะแรกของการทำธุรกิจนี้ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ เนื่องจาก Peer-to-Peer Lending ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย ขณะที่ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่า มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในด้านลบหรือหลอกลวงมากขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวของบริษัทจะมีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและโปร่งใสที่สุด เช่น แพลตฟอร์มมีการบริหารความเสี่ยงอย่างไร ที่สำคัญคือ ต้องไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดชึ้นโดยที่ลูกค้าไม่รู้มาก่อน

เนสท์ติฟลาย ให้กู้ผ่านแอปฯใช้หุ้นค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 60 %

          สำหรับผลิตภัณฑ์แรกที่บริษัทเปิดตัว คือแอปพลิเคชัน  StockLend by NestiFly สินเชื่อเอนกประสงค์ที่ใช้หุ้นใน SET เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นตัวช่วยเปิดโอกาสสำหรับผู้ที่มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สามารถนำหุ้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดย StockLend by NestiFly จะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้กู้และนักลงทุนที่สามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน เงินกู้ โดยใช้ Smart Contract ผ่านเทคโนโลยี Blockchain เพื่อความปลอดภัยของผู้กู้และสามารถทราบผลอนุมัติภายใน 1 วันทำการ ซึ่งเมื่อระบบ Auto-invest ในแอปพลิเคชัน StockLend by NestiFly สามารถจับคู่ระหว่างผู้กู้กับนักลงทุนได้สำเร็จ นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินกู้และผู้กู้ยังคงมีสิทธิประโยชน์จากหุ้นเหมือนเดิม

เนสท์ติฟลาย ให้กู้ผ่านแอปฯใช้หุ้นค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 60 %

          “สาเหตุที่เลือกเปิดตัว StockLend by NestiFly เป็นผลิตภัณฑ์แรกโดยใช้หุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ไม่มีโอกาส เนื่องจากสินเชื่อลักษณะนี้ยังใหม่สำหรับประเทศไทย การเริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง หรือประเภทสินเชื่อที่มีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การเกิดหนี้เสียอาจจะทำให้ผู้ปล่อยกู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับระบบ มีความกังวลใจสูง และไม่มั่นใจ อีกส่วนคือเราต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ ทำให้เลือกที่จะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน แม้จะมีกรณีศึกษาจากต่างประเทศมา และมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ แต่เราเองก็อยากค่อยๆเสริมสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคด้วย”

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารูปแบบสินเชื่อนี้มีบ้างในประเทศไทยแล้ว แต่จะเป็นกลุ่มเฉพาะ โดยสถาบันการเงินจะปล่อยให้กับลูกค้ากลุ่ม private banking แต่ StockLend by NestiFly  มีความแตกต่าง 3 เรื่อง คือ

          1.ผู้กู้สามารถนำเงินไปใช้ในการประกอบธุรกิจเงินทุนหมุนเวียน ซื้อเครื่องจักร เสริมสภาพคล่องธุรกิจได้ ในลักษณะ Multi-Purpose Loan โดยเราไม่ได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องนำเงินบางส่วนนั้นกลับมาลงทุนกับเรา

          2. ในเรื่องความเข้าถึง เราไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นใคร ตราบใดที่มีเครดิตสกอร์ จาก NCB (เครดิตบูโร) ดี และมีหุ้นที่ qualify หากมีตรงนั้นครบถ้วนก็สามารถเข้ามาขอกู้ได้ และ

          3. เป็นเรื่องของกระบวนการ เนื่องจากเราทำธุรกรรมทุกอย่างอยู่บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม มีการสร้างบัญชีและยืนยันตัวตน     e-KYC ผ่านระบบ NDID ทั้งการโอนหุ้นเข้ามา การเปิดบัญชี และขอสินเชื่อ ทำบนโมบายแอปพลิเคชันทุกอย่าง  เพราะฉะนั้นทำให้กระบวนการค่อนข้างเข้าใจง่าย โปร่งใส และรวดเร็ว

          อย่างไรก็ดี เพื่อความรัดกุมในการปล่อยกู้และการบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัทจะให้วงเงินสูงสุดเต็มที่ไม่เกิน 60% ของมูลค่าหุ้น ที่นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน  ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาแบ่งกลุ่มหุ้นด้วยว่า หุ้นแต่ละตัวเป็นกลุ่มหุ้นที่มีศักยภาพความสามารถระดับใด สูง ปานกลาง หรือต่ำ ซึ่งผู้กู้อาจจะได้รับการพิจารณาวงเงินลดหลั่นไปตามศักยภาพของหุ้น เช่น 50%, 40% เป็นต้น

          ส่วนวิธีการสกรีนทำผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Back-testing เพื่อดูความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ห้าปีย้อนหลัง และยังมีการติดตามและวิเคราะห์ความผันผวนและสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง หากหุ้นตัวไหนมีความผันผวนมาก ซึ่งจะมีความสุ่มเสี่ยงสูงสำหรับผู้ปล่อยกู้ จะมีการสกรีนหุ้นตัวนั้นออก หรือหุ้นตัวไหนที่มีการซื้อขายกันน้อย สภาพคล่องต่ำ ขายได้ลำบาก เนื่องจากในกรณีถ้าเกิดหนี้เสียขึ้น เราจำเป็นต้อง ทำการ forced sell หรือขายหลักทรัพย์ค้ำประกัน

          นอกจากนี้ยังดูเรื่องของ fundamental ของหุ้นด้วย ถ้าเป็นหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนเป็นระยะเวลานาน ก็จะไม่รับเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมถึงยังมีการจำกัดปริมาณการรับหุ้น โดยพิจารณาหุ้นแต่ละตัวที่เรารับมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันว่ามีปริมาณมากเกินไปหรือไม่ ส่วนตัวผู้กู้เองสิ่งที่เรามองเป็นหลัก คือ NCB score หรือเครดิตสกอร์เกี่ยวกับประวัติการชำระหนี้ของลูกค้าบุคคล

         นายพิชิต กล่าวว่า สำหรับผู้ให้กู้หรือ Investor มี 3 รูปแบบด้วยกัน

          1. กลุ่มนักลงทุนรายย่อย (Retail Investors) ซึ่งตามกฎเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย บุคคลธรรมดาสามารถให้กู้ได้ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง รวมทุกสัญญาไม่เกิน 500,000 บาท

          2. กลุ่มนักลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (Qualified Investors) จะสามารถปล่อยกู้ได้ไม่จำกัด โดยอิงกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และ

          3. กลุ่มนักลงทุนสถาบัน (Institutional Investors) ที่สามารถปล่อยกู้ได้ไม่จำกัดเช่นกัน

          “ในช่วงต้น กลุ่มที่เราอยากได้คือกลุ่ม Retail Investors กับ Qualified investors เพราะเราต้องการให้มีความหลากหลาย เพื่อจะทำให้ผู้ใช้งานคนไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Peer-to-Peer Lending Platform”

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการจับแมตช์คู่ระหว่างผู้กู้กับผู้ให้กู้ ไปจนถึงการเกิดสัญญาเงินกู้กันแล้ว ช่วงนี้แต่ละฝ่ายจะไม่ทราบข้อมูลส่วนบุคคลใดๆระหว่างกัน โดยข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งสองฝ่ายจะถูกปิดไว้ ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่จะถูกเปิดเผยข้อมูลต่อเมื่อมีความจำเป็นทางกฎหมาย อาทิ หากมีการผิดชำระหนี้ จึงจะเปิดเผยข้อมูลแก่คู่สัญญา เนื่องจากผู้ให้กู้และผู้กู้เองอาจจะต้องการเจรจาเพื่อทำการประนีประนอมหนี้หรือทำการตกลงการจ่ายชำระหนี้คืนระหว่างกัน

          สำหรับแผนการออกผลิตภัณฑ์ในระยะยาวได้เริ่มวางแผนสำหรับผลิตภัณฑ์ในส่วน personal loan ไว้แล้ว คาดว่าจะได้เห็นประมาณไตรมาสที่สามหรือสี่ ส่วน Phase ถัดมาอาจจะโฟกัสไปที่กลุ่มธุรกิจในลักษณะของ supply chain บริษัทยังวางกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ โดยการสรรหาความร่วมมือในรูปแบบ strategic partner กับพันธมิตรธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งมองว่านอกจากจะช่วยเติมเต็มความเชื่อมั่น ยังช่วยลดความเสี่ยงไปด้วย

          “ผมว่านวัตกรรมจะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์อยู่ที่คนหยิบมาใช้ ว่ามีความตั้งใจที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์จริงๆ หรือไม่ แต่ทุกวันนี้ เป็นที่น่าเสียดายที่หลายนวัตกรรมทางการเงินมีการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือบางคนมีความตั้งใจที่จะทำให้เป็นประโยชน์ แต่ไม่ได้มีการบริหารจัดการดูแลที่ดีพอ ประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะสามารถพัฒนานวัตกรรมทางการเงินได้อีกมาก ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ประกอบการเองที่ต้องดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและโปร่งใส ผมจึงมองว่าเป็นภารกิจสำคัญของเราที่ต้องนำนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งผมเชื่อว่าต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ระดับหนึ่ง”นายพิชิต กล่าว

ศึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @nestifly เว็บไซต์ https://bit.ly/3Z3SA07 หรือเฟซบุ๊ก  https://bit.ly/40qbiAn

Thailand Web Stat