Priceza ชี้ ต้องรออีก 3 ปี ราคาประกันรถอีวี เท่ากับ รถน้ำมัน
Priceza เปิดหมดเปลือก เทียบชัด ยังไม่ถึงเวลาซื้อรถอีวี เหตุค่าใช้จ่ายแฝงเพียบ ทั้งค่าประกันรถ การเปลี่ยนอะไหล่ ชี้ต้องรออีก 2-3 ปี ราคาประกันรถอีวี จะเท่ากับรถน้ำมัน
นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Priceza แพลตฟอร์มให้บริการค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคา กล่าวว่า หลังจากที่ Priceza เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2553 ปัจจุบันมีผู้เข้ามาใช้บริการเดือนละ 9 ล้านครั้ง โดย Priceza มีการให้บริการ 3 บริการ คือ บริการด้าน Shopping การเปรียบเทียบราคาสินค้า,บริการ Affiliate ด้วยการจับมือกับพันธมิตรรีวิวสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ยูทูปเบอร์ ติ๊กต็อก อินฟลูเลนเซอร์ เพื่อให้เห็นถึงการใช้งานสินค้าจริง
และบริการสุดท้ายที่เพิ่งเปิดตัวใหม่คือ บริการด้านการเงิน โดยแยกออกมาเป็นแพลตฟอร์มต่างหาก คือ https://www.pricezamoney.com และ money.priceza.com ออกมา เนื่องจากบริการด้านการเงินเป็นเรื่องสำคัญและมีความซับซ้อน หากมีผู้นำมาเปรียบเทียบให้เห็นในภาพรวม ก็จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น
ด้านนายสิรวิชญ์ ฉายะวาณิชย์ หัวหน้าฝ่าย pricezamoney กล่าวว่า ขณะที่บริการด้านการเงินที่กำลังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ ประกันรถยนต์สำหรับรถไฟฟ้า หรือ อีวี เนื่องจากการเติบโตของรถอีวีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
จากสถิติของกรมขนส่งทางบก ระบุว่า ในปี 2565 ยอดจดทะเบียนสะสมรถอีวีอยู่ที่ 30,843 คัน เติบโตจากปีก่อนที่ 170.98% คาดว่าภายในปี 2566 จะมีจำนวน 132,843 คัน เติบโต 330% ซึ่งขณะนี้ยอดจดทะเบียนสะสม 3 เดือนในปี 2566 คือ ม.ค.-พ.ค.2566 อยู่ที่ 51,243 คัน
การเติบโตดังกล่าวเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้บริการหลังการขายไม่สามารถเพิ่มจำนวนบริการได้ทันตามความต้องการของตลาด ดังนั้นภาระในการดูแลหลังการขายจึงตกอยู่ที่บริษัทประกัน ทำให้ปัญหาค่าประกันรถอีวีมีราคาสูงกว่ารถยนต์น้ำมันอยู่ประมาณ 20%
สาเหตุมาจาก 1.ด้วยจำนวนรถอีวีในตลาดมีจำนวนน้อยกว่ารถน้ำมันเมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาด ซึ่งรถยนต์น้ำมันมีอยู่ในตลาด 43.7 ล้านคัน ขณะที่รถอีวีมีอยู่ประมาณ 53,000 คัน คิดเป็น 0.12% ของรถยนต์ทั้งหมด ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถอีวีมีน้อย โดยเฉพาะข้อมูลความเสี่ยงที่บริษัทประกันต้องประเมินความเสี่ยงในการคุ้มครองมีน้อย จึงจำเป็นต้องตั้งราคาไว้สูงกว่ารถยนต์น้ำมัน 20% เพื่อประกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
2.ค่าซ่อมแพง เนื่องจากการซ่อมรถอีวีต้องดำเนินการที่ศูนย์เท่านั้น เพราะเป็นรถยนต์ที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูง จำเป็นต้องมีเครื่องมือเฉพาะในการซ่อมเครื่องยนต์ จึงทำให้อู่ทั่วไปไม่สามารถซ่อมได้ ซึ่งโดยปกติการซ่อมรถที่อู่จะมีราคาถูกกว่าการซ่อมรถที่ศูนย์อยู่แล้ว แต่กระนั้นก็ตาม ก็ยังพบปัญหาว่า ศูนย์เองก็ยังไม่สามารถซ่อมได้ดีพอ เพราะอาจจะยังไม่มีความรู้ที่เพียงพอ เช่น การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ต้องเปลี่ยนใหม่หมดในราคาสูงเกือบล้านบาท หรือ แค่เปลี่ยนหน้ากากของแบตเตอรี่ก็เพียงพอ เป็นต้น
และ 3.อะไหล่ของรถอีวี มีจำนวนน้อยชิ้น โดยหลักๆมีเพียง 6-7 ชิ้น เมื่อมีอุบัติเหตุ จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชิ้น ไม่มีอะไหล่ทางเลือกจำนวนมากแบบรถยนต์น้ำมัน
สำหรับแนวโน้มของราคาประกันภัยรถอีวี คาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 ราคาประกันจะถูกลงในระดับใกล้เคียงกับประกันรถน้ำมัน โดยจะอยู่ที่ราคา 23,467 บาท ขณะที่ปี 2565 อยู่ที่ 42,718 บาท และปี 2566 อยู่ที่ 34,900 บาท สาเหตุมาจากจำนวนรถอีวีมีจำนวนเพิ่มขึ้น และการปรับแผนการตลาดของบริษัทประกัน เช่น วิริยะประกันภัย จับมือ กับ BYD เพื่อทำประกันรถร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ทำให้ลดความเสี่ยงในการคุ้มครองมากขึ้น
และอีกประเด็นคือ แนวโน้มของประกันรูปแบบเฉพาะบุคคล คิดราคาตามลักษณะการขับขี่ของเจ้าของรถ ซึ่งขณะนี้มีการทดลองของ เทสล่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในการคิดค่าประกันภัยแบบรายเดือน และมีการบันทึกพฤติกรรมการขับรถเพื่อกำหนดราคาให้เหมาะสม ทำให้ราคาประกันภัยถูกลง 20-30 % คาดว่าประกันภัยรูปแบบนี้ก็จะเข้ามาในประเทศไทย เช่นกัน
นอกจากนี้แนวโน้มรูปแบบการประกันภัยรถอีวี อาจจะเป็นลักษณะการคุ้มครองแยกตามชิ้นส่วนอะไหล่ เช่น การคุ้มครองเฉพาะแบตเตอรี่ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกซื้อตามที่ต้องการให้คุ้มครองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้
นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ pricezamoney ยังได้สรุปเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการใช้รถอีวีและรถน้ำมันให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น การเปรียบเทียบค่าพลังงาน,ค่าประกันชั้น 1 ,ค่าเช็คระยะ,ค่าภาษี ,ค่าเปลี่ยนยางรถยนต์
และการเปรียบเทียบในภาพรวมระหว่างการขับในระยะ 33,600 กิโลเมตร ระยะเวลา 5 ปี และ ระยะทาง 120,000 กิโลเมตร ในระยะเวลา 5 ปี
โดยสรุป หากผู้บริโภคต้องการใช้รถอีวีคงต้องรอเวลาอีก 2-3 ปี ก่อน ประกันรถอีวีถึงจะถูกลง และคาดว่าภายใน 4-5 ปี ประกันรถอีวีจะมีรูปแบบประกันเฉพาะผู้ขับแต่ละคนเข้ามาในตลาด