posttoday

ลุ้นดีล 3BB หืดจับ เอไอเอสติดล็อกปมเทคโอเวอร์

09 มิถุนายน 2566

ประธานกสทช.แจงบอร์ดเคาะตั้ง 4 อนุฯพิจารณาดีล เอไอเอส ซื้อ 3BB ยึดกรอบทำงานเหมือนเคสควบรวมทรู-ดีแทค ตีกรอบทำงาน 6 เดือน พร้อมเดินหน้ากระบวนการสรรหาเลขาธิการกสทช.คาดได้รายชื่อไม่เกิน ส.ค.66

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการพิจารณา กรณี การรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB ว่า ที่ประชุมกสทช.ได้พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด รวมถึงกรอบระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่า ขั้นตอน กระบวนการ และระยะเวลา ต้องทำเหมือนกรณีการควบรวมกิจการของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค แม้ว่าการขออนุญาตของเอไอเอส คือ การเข้าซื้อกิจการของ 3BB ซึ่งอาจแตกต่างจากการรวมธุรกิจของทรูดีแทค แต่กสทช.มองว่า เป็นเรื่องการรวมธุรกิจเหมือนกัน

ดังนั้นคณะอนุกรรมการรวมกิจการต้องมี 4 คณะทำงาน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย คณะอนุกรรมการด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิพลเมือง คณะอนุกรรมการด้านเทคโนโลยี และคณะอนุกรรมการด้านเศรษฐศาสตร์ โดยมีกรอบระยะเวลาในการทำงาน ภายใน 30 วัน หากเสร็จไม่ทันให้ขยายเวลาทำงานอีก 30 วัน ได้อีกจำนวน 2 รอบ และรอบสุดท้ายขยายไปอีก 90 วัน รวมทั้งสิ้นระยะเวลา 6 เดือน 

อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนการทำงานการพิจารณาควบรวมกิจการทรูดีแทค เมื่อมีการตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่คณะอนุกรรมการต้องเดินหน้าพร้อมกันทุกด้านคือ  ต้องดำเนินการจัดประชุม โฟกัส กรุ๊ป เพื่อรับฟังความคิดเห็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง กลุ่มนักวิชาการ และ กลุ่มผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป พร้อมกันนี้ คณะทำงานต้องมีการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และสังคมโดยคณะทำงานของสำนักงานกสทช. และที่ปรึกษาอิสระทั้งในและต่างประเทศ 

คาดได้เลขาธิการกสทช.ช้าสุดไม่เกิน ส.ค.

ส่วนความคืบหน้าการสรรหาเลขาธิการกสทช.ประธานกสทช.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส่วนประเด็นที่กสทช.บางท่านไม่ส่งตัวแทนเข้ามานั่งเป็นคณะกรรมกาพิจารณาคุณสมบัตินั้น ขอยืนยันว่าไม่ทำให้กระบวนการสรรหาสะดุด อย่างแน่นอน และขอย้ำว่า ประธานกสทช.มีอำนาจตามกฎหมายกสทช.ตามมาตรา 60,61 ที่ระบุว่า ประธานมีอำนาจในการแต่งตั้งและปลดเลขาธิการกสทช.ได้ การเลือกเลขาฯกสทช.ทำได้ 2 วิธีคือ คือ เลือกเอง หรือ ให้บอร์ดเลือก ซึ่งตนเองตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเอง โดยกระบวนการการสรรหาเริ่มต้นไปแล้ว ไม่สามารถยกเลิกได้ ไม่เช่นนั้นอาจถูกผู้สมัครทั้ง 9 คน ฟ้องร้องได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จ จากนั้นจะเรียกผู้ผ่านคุณสมบัติมาสอบสัมภาษณ์ คาดว่าจะได้เลขากสทช.เร็วสุดภายในเดือน ก.ค.นี้ ช้าสุดเดือน ส.ค.  โดยจะเลือกเหลือ 5 คน เพื่อให้คณะกรรมการกสทช.โหวตเลือก เชื่อว่าคณะกรรมการกสทช.จะเห็นใจผู้ที่ตั้งใจมาสมัคร และพร้อมลงคะแนนให้ แต่หากคณะกรรมการกสทช.ไม่เลือก ก็จำเป็นต้องสรรหาใหม่

ศึกษาโอทีทีไม่เอาเปรียบค่ายมือถือ

นอกจากนี้ กสทช. อยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องธุรกิจ โอทีที ที่ให้บริการเนื้อหา เช่น ภาพยนต์ รายการโทรทัศน์ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ผ่านธุรกิจเหล่านี้ใช้ทรัพยากรโครงข่ายจำนวนมาก แต่ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายให้โอปอเรเตอร์ต้องแบกรับต้นทุนในการขยายโครงข่ายเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น โดยกสทช.ต้องดูว่าการที่จะเข้าไปควบคุมจะมีผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน

ที่สำคัญกสทช.มีอำนาจตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งบางประเทศก็มีแนวคิดที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ ทาง กสทช. ก็จำเป็นต้องดูเรื่องการบริการจัดการโครงข่ายว่า จะทำอย่างไรไม่ให้ภาระค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ประชาชน  และโอปอเรเตอร์ ยังดำเนินธุรกิจมีกำไรอยู่ได้ด้วย