TikTok ยกระดับ OTOP สู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ เฟสแรก 530 ราย กว่า 1,600 รายการ
TikTok เผยความสำเร็จโครงการ "TikTok for OTOP" ยกระดับทักษะดิจิทัลเฟสแรก 530 รายทั่วประเทศ นำสินค้ากว่า 1,600 รายการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ ผ่านแนวคิด Smart Economy และ Smart People
นางชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy - Thailand, TikTok กล่าวว่า TikTok มีโครงการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี มากกว่า 120,000 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนมูลค่า 12.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจเหล่านี้สู่ตลาดออนไลน์
ในส่วนของประเทศไทยTikTok ได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชน ภายใต้กระทรวงมหาดไทย ในการเข้าถึงตัวแทน OTOP กว่า 530 รายจากทั่วประเทศ เพื่อมอบทักษะด้านดิจิทัล รวมถึงเครดิตการโฆษณาและการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจ พร้อมตอบโจทย์ความท้าทายที่ต้องก้าวตามให้ทันเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วโดย TikTok ได้นำผู้ประกอบการ OTOP กว่า 530 ราย พร้อมสินค้ากว่า 1,600 รายการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในการดำเนินการระยะแรก ผ่าน TikTok Shop
พร้อมมอบทักษะความรู้ด้านดิจิทัลที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพด้านธุรกิจให้กับธุรกิจ OTOP ผ่านแนวคิด Smart Economy และ Smart People ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินโครงการ TikTok for OTOP ภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชน พันธมิตรคนสำคัญผู้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์มและผู้ประกอบการในชุมชน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกรมพัฒนาชุมชนในการทำให้ 'เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง'
นางชนิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า TikTok ให้ความสำคัญในการสนับสนุนชุมชนตามโครงการสนับสนุนท้องถิ่น (Support Local Programme) เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจออนไลน์และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเศรษฐกิจดิจิทัล TikTok เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจของสินค้า OTOP จึงต้องการยกระดับความสามารถ และปลดล็อกโอกาสให้กับผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถนำสินค้าที่มีคุณภาพมาอยู่บนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเติบโต และเข้าสู่การเป็นสังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับการดำเนินการในระยะแรก คือการเดินหน้าพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการ OTOP ผ่านการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลในชุมชนต่างๆ ใน 5 ภูมิภาค การสอนเปิดร้านใน TikTok Shop พร้อมหลักสูตรขายยังไงให้ปัง การประกวดสร้างคอนเทนต์ขายสินค้ากับแคมเปญ #ช้อปได้ทุกถิ่น ที่เป็นช่องทางให้ผู้ประกอบได้มีโอกาสในการร่วมงานกับครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม TikTok ในการกระตุ้นยอดขายให้แก่ร้านค้าและสร้างการรับรู้สินค้าในกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ทั่วประเทศ
ด้านนายชูชีพ พงษ์ไชย รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เพื่อพัฒนาให้ธุรกิจและสินค้า OTOP มีความทันสมัยและสามารถเติบโตมากยิ่งขึ้น พร้อมแข่งขันในเวทีระดับประเทศและระดับโลก กรมพัฒนาชุมชนจึงให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นอย่างมาก จึงร่วมมือกับ TikTok เพื่อทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นของไทยได้อย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยแสดงออกถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่ดีงามของแต่พื้นที่ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เริ่มโครงการ TikTok for OTOP สามารถปรับตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลได้เป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังแสดงออกถึงการปลดล็อกโอกาสให้กับสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับนานาชาติที่มาพร้อมศักยภาพอันแข็งแกร่งในเรื่องของการสร้างรายให้แก่ชุมชนและประเทศ สามารถสร้างรายได้กว่า 8.5 ล้านบาท ในเฟสแรก ซึ่งเป็นระยะเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ #ช้อปได้ทุกถิ่น คือแคมเปญที่ใช้ประชาสัมพันธ์และรวบรวมคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้า OTOP ที่มีคอนเทนต์วิดีโอรวมแล้วกว่า 495 วิดีโอ ซึ่งมียอดผู้เข้าชมกว่า 137.9 ล้านครั้ง ทำให้สินค้า OTOP สามารถเข้าถึงผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายใหม่และเก่าได้อย่างมหาศาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ TikTok ยังได้อาศัยเทรนด์ Shoppertainment ของ TikTok Shop จัด LIVE ขายสินค้าร่วมกับครีเอเตอร์ผ่านแคมเปญนี้เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าท้องถิ่น โดยได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อเป็นอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าชม LIVE จำนวนกว่า 200,000 คน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ OTOP หลายรายยังได้ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์สำคัญต่างๆ ของ TikTok เพื่อปฏิวัติกลยุทธ์การขายและประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง หนึ่งในนั้นคือ "สมุนไพร สุเมธแผนโบราณ" และ "Netafruit" ซึ่งเป็นสองแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยแบรนด์สมุนไพรสุเมธแผนโบราณ มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากผ่านการ LIVE สดขายสินค้าบน TikTok
ในขณะเดียวกัน Netafruit แบรนด์ผลไม้อบแห้งระดับพรีเมียมได้ใช้ประโยชน์จากรูปแบบการทำคอนเทนต์วิดีโอสั้นของ TikTok เพื่อทำการตลาดผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้ช่วยเน้นย้ำถึงศักยภาพของ TikTok ในการช่วยยกระดับธุรกิจในท้องถิ่นให้ก้าวไปอีกขั้น
นายฤทธิชัย ปันจันตา แบรนด์ สมุนไพร สุเมธแผนโบราณ กล่าวว่า ทักษะทางดิจิทัลที่ได้รับจากการฝึกอบรมโดย TikTok และกรมพัฒนาชุมชน ไม่เพียงทำให้เข้าใจถึงการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์ม TikTok Shop มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ และเปิดโอกาสทางอาชีพให้กับคนในชุมชน ได้เรียนรู้ทักษะทางดิจิทัลมากขึ้น ได้รับความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ที่มีประโยชน์ สามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจของตนเองได้
ด้านนายอัครวิทย์ เมฆเจริญ แบรนด์ Netafruit กล่าวว่า โครงการนี้สามารถช่วยให้เข้าถึงกลยุทธ์ทางการตลาดและเครื่องมือต่างๆ และได้รับความรู้ที่จากการฝึกอบรม ซึ่งไม่เพียงเสริมสร้างประสบการณ์ดีๆ เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นที่รู้จักในระดับประเทศช่วยให้มีฐานลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น