ราคาทองสัปดาห์นี้ติด2,045มีแรงซื้อก่อนตรุษจีนคาดเฟดไม่ปรับดอกเบี้ย
ฮั่วเฮ่งเฮงแนะราคาทองสัปดาห์นี้ไม่ทะลุแนวต้าน 2,045 ดอลลาร์ แม้จะมีมีแรงซื้อทองเพิ่มก่อนตรุษจีน ให้จับตาเฟดไม่ปรับดอกเบี้ยและตรึงดอกเบี้ยสูงนานขึ้นฉุดตลาดทองลง
ฮั่วเซ่งเฮง ให้มุมมองราคาทองสัปดาห์นี้มีแนวรับอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ และ 1,985 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,032 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,045 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,900 บาท และ 33,750 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 34,200 บาท และ 34,300 บาทด้วยมีสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำรายวันยังมีแนวโน้มปรับตัวลง แต่คาดว่าในต้นสัปดาห์ราคาทองคำจะเริ่มเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบแคบลง
อย่างไรก็ตาม สำหรับสัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนม.ค. ของ ADP การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนม.ค. และอัตราการว่างงานเดือนม.ค. นอกจากนี้ติดตามการประชุมเฟด
ทั้งนี้มองว่ายังมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดทองคำปรับตัวขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส และธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยที่กดดันราคาทองคือความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น
มองเฟดคงดอกเบี้ยแต่เริ่มมีแรงซื้อก่อนเทศกาลตรุษจีน
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 แรงกดดันมาจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. แต่การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านในเชิงสายเหยี่ยวมากขึ้น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด มุมมองของนักลงทุนก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยคาดว่าเฟดอาจจะเลื่อนปรับลดดอกเบี้ยออกไปในการประชุมเดือนพ.ค. ซึ่งสัปดาห์นี้ราคาทองคำจะมีทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
ปัจจัยลบมาจาก การประชุมของเฟดในวันที่ 30-31 ม.ค. แม้ว่าการประชุมในครั้งนี้ เราคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเท่าเดิมที่ 5.25%-5.50% แต่มุมมองการแสดงความเห็นของประธานเฟดเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ อาจจะส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะสัญญาณที่ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยที่ยาวนานมากขึ้น หรือเริ่มปรับลดดอกเบี้ยที่ต้องเลื่อนช้าออกไป
ส่วนปัจจัยบวก มาจากแรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน โดยปกติแล้วตลาดทองคำมักจะคึกคักในช่วงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน ถ้าพิจารณาจากสถิติย้อนหลัง 10 ปีของราคาทองคำต่างประเทศ พบว่า ในช่วง 1 เดือนก่อนเทศกาลตรุษจีน ราคาทองคำมักปรับตัวขึ้น โดยพบว่าราคาทองคำปรับตัวขึ้น 7 ครั้ง จาก 10 ครั้ง ซึ่งหากเราซื้อทองคำในปี 2566 โดยซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีนจะมาถึง 1 เดือน จะได้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 6.21%
ขณะที่ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเทศกาลตรุษจีน ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยพบว่าปรับตัวขึ้นกว่า 6 ครั้งจาก 10 ครั้ง นอกจากนี้ข้อมูลสถิติดังกล่าวยังบ่งชี้อีกว่า ผู้ที่ซื้อทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนมักไม่ขายทองคำ แม้ว่าเทศกาลตรุษจีนได้ผ่านเลยไปแล้ว ทั้งนี้ปีนี้คาดว่าตลาดทองคำยังคงคึกคักเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีมะโรง เป็นปีที่มงคลตามความเชื่อของคนจีน ยิ่งดันแรงซื้อทองคำมากขึ้น เพราะการมอบทองคำที่มีสัญลักษณ์เป็นมังกร ยิ่งเป็นการอวยพร อวยชัยถึงความมั่งคั่ง ความรุ่งเรือง ความเป็นสิริมงคล ทองคำจึงยังเป็นที่นิยม แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงก็ตาม เพราะโดยปกติแล้วเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลงจะส่งผลต่อกำลังซื้อทองของคนจีน แต่ตรุษจีนปีนี้คาดว่าจะแตกต่างออกไป
นอกจากนี้ หากพิจารณาในปีนี้ ก็ยังมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองไม่แน่นอน ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ แรงซื้อทองคำของธนาคารกลางอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยหนุนกำลังซื้อทองคำในปีนี้ได้
สำหรับประเทศไทยคาดว่าตลาดทองคำในประเทศก็ยังคึกคักเหมือนเดิม แม้ว่าราคาทองคำจะแพง อย่างปี 2566 ที่ตลาดทองคำคึกคักอย่างมาก ตอนนั้นราคาทองคำในประเทศจะอยู่ที่ 29,550-30,050 บาท ถ้าเทียบกับราคาทองคำตอนนี้ที่ 34,100 บาท ซึ่งราคาทองคำมากกว่า 4 พันบาท ทำให้คนไทยมองว่ายิ่งดูแพงกว่าปกติ แต่ในปีที่แล้วคนไทยก็มองทองคำแพงเหมือนกัน เนื่องจากราคาทองคำพุ่งแตะระดับ 3 หมื่น เป็นราคาที่เรายังไม่คุ้นชิน แต่ตลาดทองคำปีที่แล้วก็ยังมีความคึกคัก
ปีนี้คนไทยเชื้อสายจีนเริ่มเข้ามาซื้อทองคำกันบ้างในสัปดาห์ก่อน และจะต่อเนื่องมากขึ้นตั้งแต่สัปดาห์นี้ แม้ทองจะแพง แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามา แต่รูปแบบการซื้อทองคำโดยเฉพาะรูปพรรณจะเส้นเล็กลง โดยปีนี้คนจะนิยมทองคำเส้นเล็กที่มีขนาด 1 กรัม หรือ 1 สลึง จะขายดีมากกว่า ซึ่งแตกต่างกว่าในอดีตที่นิยมขนาดเส้นใหญ่กว่า
ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 29 ม.ค. – 2 ก.พ. 2567 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 3 ราย หรือเทียบเป็น 21% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 6 ราย หรือเทียบเป็น 43% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 316 ราย ในจำนวนนี้มี 159 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 117 ราย หรือเทียบเป็น 37% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 40 ราย หรือเทียบเป็น 13% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ราคาทองคำ
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 34,100 – 34,300 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 34,100 บาท ต่อบาททองคำ ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 34,100 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับราคาทองคำสัปดาห์นี้
1. การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ระหว่างวันที่ 30 – 31 มกราคม 2567 นักลงทุนคาดการณ์ว่าผลการประชุมในครั้งนี้จะยังคงดอกเบี้ยต่อ และติดตามถ้อยแถลงของ FED ถึงสัญญาณนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งในปีที่ผ่านมา FED เคยกล่าวว่าปี 2567 จะมีการลดดอกเบี้ยประมาณ 3 ครั้ง
2. การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 แถลงแผนปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BOE โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปี 2567
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM, ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือน มกราคม 2567 เพื่อแสดงถึงทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ