กลาโหม จับมือ ซีพี หนุนการศึกษา สร้างอาชีพ ทหารเกณฑ์และบุคลากรกลาโหม
กลาโหม จับมือ ซีพี เอ็มโอยู ส่งเสริมอาชีพและการศึกษา แก่ทหารเกณฑ์และบุคลากรกลาโหม หนุนทุนการศึกษา ปวช. ปวส. ปริญญาตรี เรียนฟรีที่ปัญญาภิวัฒน์ และเครือข่ายทั่วประเทศ 2,000 ทุน พร้อมเปิดรับทหารกองประจำการหลังปลดประจำการ ฯ เข้าทำงานกับบริษัทในเครือฯกว่า 13,000 ตำแหน่ง
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ร่วมกับ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือ ซีพี ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ส่งเสริมด้านการศึกษาและด้านอาชีพแก่ทหารกองประจำการที่ปลดประจำการและบุคลากรในสังกัดกระทรวงกลาโหม เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรของกระทรวงกลาโหม ครอบครัวข้าราชการและครอบครัวลูกจ้างได้รับโอกาสทางการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น อันจะนำไปสู่การประกอบอาชีพที่มั่นคง สนับสนุนให้บุคลากรของกระทรวงกลาโหมที่มีความพร้อมความเชี่ยวชาญและความเหมาะสมเข้าทำงานภายใต้ธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารกองประจำการและทหารอาสาที่จะปลดประจำการได้นำเอาความรู้ที่ได้รับไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงหลังจากปลดประจำการต่อไป
ผมขอขอบคุณประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ และผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์และบริษัทในเครือฯ ที่สนับสนุนและให้โอกาสทางการศึกษาแก่กำลังพลของกระทรวงกลาโหมและสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ
ด้านนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส ซีพี เปิดเผยว่า ซีพี เชื่อมั่นในการศึกษาและการสร้างคน ในการนี้จึงมีความยินดีที่กระทรวงกลาโหมได้เปิดโอกาสให้ซีพีและบริษัทในเครือฯ ได้ใช้ศักยภาพของเครือฯ สร้างประโยชน์ในด้านอาชีพและการศึกษาแก่บุคลากรของกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นรั้วของชาติ ถือเป็นผู้ที่เสียสละ เพื่อประเทศชาติ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ทั้งด้านอาชีพและการศึกษา จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตคนดีคนเก่งให้กับประเทศ สร้างอาชีพที่มั่นคง สอดคล้องกับค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสุดท้ายจึงเป็นประโยชน์ต่อองค์กร
ขณะที่ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล ซีพี กล่าวว่า ก่อนหน้าการลงนามร่วมกัน ซีพี ได้ทดลองดำเนินโครงการดังกล่าวมาแล้ว 1 ปี มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการประมาณ 2,000 คน สำหรับการลงนามครั้งนี้ ซีพี ได้เตรียมตำแหน่งงานไว้กว่า 13,000 ตำแหน่ง และการให้ทุนการศึกษา 2,000 ทุน
สำหรับกรอบแนวทางความร่วมมือด้านอาชีพ จะมีการพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ และจัดหาตำแหน่งงานที่เหมาะสม เพื่อรองรับทหารที่จะปลดประจำการ ทหารอาสาที่จะครบสัญญาและครอบครัวเข้าทำงานกับบริษัท ได้แก่ ซีพีเอฟ ซีพีออลล์ กลุ่มทรู แม็คโคร โลตัส ตามทักษะความสามารถและความสนใจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ พัฒนาทักษะ ฝึกปฎิบัติงานก่อนลงมือทำจริง ใน 3 หมวด 9 หลักสูตร คือ หมวดช่างเทคนิค แบ่งเป็น ช่างเทคนิค ช่างกล ช่างไฟฟ้า ช่างประปา รวมทั้งหมวดปฏิบัติงานในร้านสาขา เติมและจัดเรียงสินค้า ขับรถส่งสินค้า แคชเชียร์ หมวดคลังสินค้าและขนส่ง ขับรถโฟล์คลิฟท์ แพคสินค้า ขับรถบรรทุก ทั้งนี้สามารถเลือกทำงานในภูมิลำเนาใกล้บ้าน ซึ่งนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยแล้วนั้น ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสถาบันครอบครัวที่อบอุ่น และนำไปสู่ชุมชนที่เข้มแข็งได้อีกด้วย เนื่องจากตำแหน่งงานเหล่านี้กระจายอยู่ในครบทุกภาคทั่วประเทศไทย
ส่วนด้านการศึกษา จะมีการจัดการศึกษาให้แก่บุคลากรของกระทรวงกลาโหมในสาขาที่เกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)และบริษัทในกลุ่มธุรกิจการตลาดและการจัดจำหน่าย ของเครือซีพี บริษัทในเครือฯ โดยการให้ทุนการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)ปีละ 1,000 ทุน ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)ปีละ 500 ทุน และระดับปริญญาตรี ปีละ 500 ทุน โดยสามารถรับการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อเนื่องได้ตั้งแต่ระดับ ปวช. จนถึง ปริญญาตรี ซึ่งเป็นการเรียนในรูปแบบ Work-based Education คือ การศึกษาที่เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ในการทำงานจริง เป็นการเรียนทฤษฎีจากสถานศึกษาและเรียนรู้ภาคปฏิบัติจากสถานประกอบการตลอดหลักสูตร
พลทหาร สทธิกุล ยิงดัง อายุ 27 ปี ทหารกองประจำการ กองทัพบก กล่าวว่า ขอบคุณกลาโหมและเครือซีพีที่มีโครงการช่วยจัดหางานให้กับทหารที่กำลังจะปลดประจำการ การมีโครงการนี้ทำให้สร้างความมั่นใจได้ว่าเมื่อออกไปแล้วจะมีงานทำ โดยจากการดูตำแหน่งในโครงการนี้ มีความน่าสนใจหลายตำแหน่ง และสนใจในกลุ่มสายงานธุรกิจค้าปลีกเป็นพิเศษ โครงการนี้ทำให้ทหารที่ปลดประจำการได้ มีอาชีพที่มั่นคง สามารถหารายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไปได้
พลทหารอิศรา พรหมมา อายุ 25 ปี ทหารกองประจำการ กองทัพเรือ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้ทหารเกณฑ์ ได้มีโอกาสรับการศึกษาที่สูงขึ้นในกลุ่มงานวิชาชีพ ซึ่งเป็นทักษะที่สนใจและเป็นทักษะที่สำคัญอย่างมากในยุคนี้ ซึ่งการได้มีโอกาสได้เรียนต่อในครั้งนี้ทำให้เชื่อมั่นว่าจะมีความรู้เฉพาะทาง มีความเชี่ยวชาญในงานสายอาชีพ พร้อมที่จะนำสิ่งที่เรียนไปหางานทำที่มั่นคงได้ในอนาคต