คลัง ขอต่อเวลาอีก 2 สัปดาห์ศึกษา "Entertainment Complex"

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานกรรมมาธิการรวิสามัญพิจารณา ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปเร่งพิจารณาในรายละเอียดเรื่องข้อกฎหมาย ศึกษาผลกระทบ ข้อเสนอการเปิด Entertainment Complex ภายในเวลา 1 เดือนนั้น ขณะนี้ ยอมรับว่า ศึกษาผลกระทบต่างๆไม่ทันตามกรอบเวลาที่ให้ครม.ได้ให้ไว้ โดยครบกำหนดตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้ว อาจต้องขอขยายเวลาเพิ่มอีก 2 สัปดาห์ เพื่อพิจารณารายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง 

"โดยได้ขีดเส้นใต้ภายในสัปดาห์นี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งไปศึกษาข้อมูลทั้งหมด ต้องส่งรายละเอียดกลับมาที่คลัง เพื่อจะมีการนัดประชุมหารือกันอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ทางสภาผู้แทนราษฎรแนบมาว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ และสามารถปรับใช้ได้จริงกับโครงสร้างของภาครัฐหรือไม่ อย่างไร โดยคลังจะนำข้อเสนอที่ได้ทั้งหมดมาปรับตัวกฎหมาย ปรับรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อเสนอต่อ ครม. อีกครั้ง" นายจุลพันธ์ กล่าว
 

อย่างไรก็ตาม เมื่อผลศึกษาเสนอต่อครม.แล้ว จะเดินหน้าเปิด  Entertainment Complex หรือไม่นั้น เป็นมติของ ครม.ว่าจะมีมติเห็นชอบอย่างไร หลังจากนั้นจะต้องส่งเรื่องไปยังสภาผู้แทนราษฎรด้วยว่ามีความเห็นอย่างไร กระบวนการตรงนี้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย โดยสิ่งที่กระทรวงการคลังต้องเร่งดำเนินการตอนนี้ คือ หากมีการเดินหน้าเรื่องนี้จริง จะมีกลไกในการกำกับดูแลอย่างไร รูปแบบการดำเนินงานจะเป็นแบบใด มีองค์ประกอบอะไรบ้าง โดยกฎหมายจะมากำกับดูแลทั้งเรื่องผลกกระทบในทางบวกและทางลบที่จะเกิดขึ้นกับสังคม เหล่านี้เป็นประเด็นที่ต้องส่งให้ ครม. และสภาฯ พิจารณาต่อไป 

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Sandbox ในการจัดทำ  Entertainment Complex นั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มีการพูดถึงการจัดทำ Sandbox ไม่มีการพูดถึงจังหวัดใด ไม่มีการพูดถึงโลเคชัน และเรื่องนี้ไม่สามารถทำได้โดยไม่มีการออกกฎหมาย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการพูดว่าประเทศไทยมี พ.ร.บ. การพนัน อยู่แล้ว แต่กฎหมายดังกล่าวก็ไม่ได้ครอบคลุมบางเรื่องที่รัฐบาลเตรียมจะดำเนินการในตอนนี้ 

ทั้งนี้ กฎหมายเก่าพูดถึงเฉพาะเรื่องการพนัน แต่สิ่งที่เราจะทำตอนนี้ คือ  Entertainment Complex ซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะ Entertainment Complex พูดถึงเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีประโยชน์ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก สามารถสร้างเม็ดเงินได้มหาศาล ส่วนที่เป็นเรื่องของการพนันถามว่ามีไหม ก็ต้องบอกว่ามี แต่ว่ามันเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย ไม่ใช่ประเด็นหลัก 

"เบื้องต้นผลการศึกษากำหนดสัดส่วนกาสิโนใน Entertainment Complex เพียง 5% เท่านั้น แต่ประเด็นหลักคือ การดึงดูดคนที่จะเข้ามาใช้ประโยชน์ในมิติอื่น ๆ ซึ่งจะสามารถกำกับโดยรัฐได้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดว่าพื้นที่ใดควรจะมีการพัฒนาในรูปแบบไหน ควรจะมีแหล่งท่องเที่ยวแบบใหม่ประเภทใด เรายังขาดอะไรที่ควรมี เช่น อาคารไมซ์ขนาดใหญ่เพื่อไว้จัดงานแสดงนิทรรศการ สวนสนุกระดับโลก อย่างดีสนีย์แลนด์ สนามอินดอร์สเตเดียม แต่สิ่งที่จะไม่เห็นเด็ดขาดคือ ห้องแถวที่เปิดให้มีการเล่นการพนัน มันผิดวัตถุประสงค์” นายจุลพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตประเมินว่า การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย จะสร้างรายได้ขั้นต่ำ 10% เข้าประเทศ หรือดึงรายได้เข้ารัฐประมาณ 12,265 ล้านบาท