posttoday

คลัง จับมือ กรุงไทย จัด 5 หมื่นล้าน แก้หนี้ราชการในสังกัด

05 สิงหาคม 2567

คลัง เดินหน้าแก้หนี้ข้าราชการในสังกัด เปิดให้รวมหนี้ทุกประเภท ทั้งบัตรเครดิต-ส่วนบุคคล-บ้านมาอยู่ที่กรุงไทย ในอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ ผ่อนได้ยาว 40 ปี หรือถึงอายุ 80 ปี คาดช่วยเหลือข้าราชการได้ 5 หมื่นคน คาดช่วยเหลือได้ 5 หมื่นคน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือ”โครงการแก้หนี้ข้าราชการยั่งยืน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงไทย และ 9 หน่ายงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง, กรมธนารักษ์, กรมบัญชีกลาง, กรมศุลกากร, กรมสรรพสามิต, กรมสรรพากร, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ, สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ, สำนักงานเศรษฐกิฐกิจการคลัง รวมทั้ง 7 สหกรณ์ในสังกัด เพื่อช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบาง แก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน

 

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยเป็นหนี้ครัวเรือน 16.2 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ข้าราชการวงเงิน 3 ล้านล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในหนี้สหกรณ์ รองลงมาคือหนี้ในสถาบันการเงิน ซึ่งทั้ง 2 ส่วนมีปัญหาหมด ซึ่งเกิดจากปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย วิธีแก้ที่เป็นไปได้ และยั่งยืน คือ ต้องใช้คุณสมบัติของข้าราช มีอาชีพการงานที่มั่น หลังเกษียณแล้วยังมีรายได้ประจำที่คำนวณได้ ซึ่งนำไปสู่ความร่วมมือกันของหลาย ฝ่าย คือ 1.สหกรณ์ 2. สถาบันการเงิน
 

“สหกรณ์ และธนาคารกรุงไทย จะทำงานร่วมกันเพื่อที่จะดูว่า ภาระหนี้ราชการของทั้งส่วนมีอยู่ที่เท่าไร ซึ่งการดูข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การยินยอมของราชการ ซึ่งโครงการนี้จะทำให้ภาระการผ่อนลง เพราะดอกเบี้ยถูกลง และยืดการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น โดยเอาหนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคลมารวมกันเป็นก้อนเดียว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่หลายๆให้คนจะหลุดจากการเป็นหนี้ ” นายพิชัย กล่าว 

 

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง แนวคิดที่จะแบ่งประเภทการติดเครดิตบูโร เช่น กลุ่มคนที่ติดเครดิตบูโรเรื่อยๆ กับ กลุ่มที่ติดแค่ครั้งเดียว ซึ่งจะมีความเสี่ยงไม่เหมือนกัน ทั้งก็เพื่อช่วยเหลือให้ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น  โดยจะมีการหารือร่วมกับเครดิตบูโรว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ รวมทั้งจะมีการหารือถึงการแนวคิดการลดระยะเวลาการติดแบล็คลิสต์เครดิตบูโรด้วย
 

 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่ม จึงขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือแก้ไขปัญหาหนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือข้าราชการเป็นอันดับต้นๆ  โดยเฉพาะข้าราชการกลุ่มเปราะบาง ที่มีภาระหนี้สูง เงินเดือนถูกหักเงินไปใช้หนี้จนเกือบหมด  มีเหลือใช้ในแต่ละเดือนไม่ถึง 30% ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทำให้ต้องไปกู้เพิ่มเพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จนมีหนี้อยู่หลายแห่ง กระจัดกระจาย และอยู่ในวงจรหนี้ไม่จบไม่สิ้น  

 

ปัจจุบัน กระทรวงการคลัง มีข้าราชการภายใต้หน่วยงานในสังกัด รวมจำนวนราว 36,000 คน ซึ่งปัญหาของข้าราชการกลุ่มเปราะบาง คือ มีเจ้าหนี้มากกว่า 1 ราย ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ มีเงินเดือนเหลือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ โครงการนี้จะช่วยให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง สามารถรวมหนี้ทุกประเภทมาไว้ที่ธนาคารกรุงไทยที่เดียว โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ตลอดอายุสัญญา  และมีระยะผ่อนชำระยาวขึ้น ทำให้มีเงินได้รายเดือนคงเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพ ส่งเสริมวินัยทางการเงิน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB กล่าว ว่า โครงการนี้ จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสภาพคล่องเหลือเพียงพอในการดำรงชีพ และสามารถปลดภาระหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

1. สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งสินเชื่อบ้าน (พร้อมขอกู้เพิ่ม) และสินเชื่อบ้านแลกเงิน (พร้อมขอกู้เพิ่ม) อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3.50% ต่อปี 3 ปีแรก หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา (อัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา 4.49% ต่อปี โดยคำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญาสูงสุด 40 ปี ผ่อนชำระ 4,700 บาท/เดือน) โดยได้รับยกเว้นค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ประกัน

 

2. สินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.75% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

จุดเด่นโครงการ 
-สามารถร่วมใช้บริการทางการเงินกับสหกรณ์ที่ข้าราชการเป็นสมาชิก (Co-Exist) โดยที่ให้มีเงินเหลือใช้เพื่อดำรงชีพไม่น้อยกว่า 30% และยังสามารถหมดหนี้ได้หลังเกษียณ


-อัตราดอกเบี้ยต่ำ “คงที่” ตลอดอายุสัญญา ไม่ผันผวนไปตามทิศทางของดอกเบี้ย วางแผนการบริหารหนี้ระยะยาวและสภาพคล่องได้ดียิ่งขึ้น


– ขยายระยะเวลาคืนหนี้ และอายุผู้กู้ ให้สามารถชำระได้สูงสุดถึงอายุ 80 ปี จากเดิมกำหนดอายุถึง 60 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับข้าราชการ


– สร้างวินัยการเงิน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาหนี้ได้อย่างยั่งยืน ในระหว่างเข้าร่วมมาตรการฯ ลูกหนี้จะเข้าร่วมแสดงเจตนารมณ์ไม่ก่อหนี้เพิ่มโดยธนาคารร่วมมือกับเครดิตบูโร ซึ่งได้พัฒนาเครื่องมือในการแจ้งเตือน หากลูกหนี้มีการก่อหนี้เพิ่ม และร่วมมือกับสหกรณ์ในการแชร์ข้อมูลสถานะหนี้ โดยได้รับความยินยอมจากลูกหนี้ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (iLock Bureau)

– โปรแกรมตรวจสุขภาพทางการเงิน เป็นเครื่องมือตรวจสุขภาพทางการเงินออนไลน์ที่จะช่วยให้ทราบสถานะทางการเงิน เพื่อช่วยวางแผนเริ่มต้นจัดการหนี้ได้ง่าย ๆ ผ่าน https://krungthai.com/link/รวมหนี้ยั่งยืน


"เบื้องต้น ธนาคารได้เตรียมวงเงินสำหรับโครงการนี้ไว้แล้ว 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะช่วยเหลือข้าราชการได้ประมาณ 50,000 คน และพร้อมขยายวงเงินตามความจำเป็น อีกทั้งปัจจุบันธนาคารยังมีวงเงินสนับสนุนสหกรณ์ทั้งระบบอยู่ถึงเกือบ 140,000 ล้านบาท" นายพยง กล่าว