posttoday

คลัง ยันเพิ่มงบโครงการ "แอ่วเหนือคนละครึ่ง" ไม่ถึง 2.4 หมื่นล้าน

23 ตุลาคม 2567

จุลพันธ์ รมช. คลัง ยันเพิ่มงบโครงการ แอ่วเหนือคนละครึ่ง กระตุ้นการท่องเที่ยวไม่ถึง 2.4 หมื่นล้าน ปัดดึงงบแจกเงินหมื่น เฟส2 มาใช้ดำเนินการ ระบุขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องแหล่งเงิน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี การขยายสิทธิ์โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว (แอ่วเหนือคนละครึ่ง) ว่าขณะนี้รอทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดรูปแบบ ว่าจะเป็นอย่างไร ใช้งบประมาณเท่าไหร่ก่อนที่จะมาพูดคุยกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกรอบงบประมาณคร่าวๆ ส่วนตัวเลขที่มีการพูดคุยกัน ถึงโครงการก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้งบประมาณราว 2.4 หมื่นล้านบาท นั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวที่พูดคุยกันมีถึง 5 เฟส และหลายตอน ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งเดียว ส่วนแหล่งเงินก็ยังมีความสับสน ว่าจะใช้เงินจากแหล่งใด

 

      ส่วนโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่งจะไม่ใช่ตัวเลข 2.4 หมื่นล้านบาทใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่และยังไม่มีข้อสรุป และส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะถึงยอดดังกล่าว เพราะการวางงบประมาณครั้งแรกเป็นการกระตุ้นถึง 5 รอบ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีข้อสรุปในเรื่องแหล่งเงิน แต่ช่องทางของรัฐบาลมีค่อนข้างมาก และจะต้องดูถึงเม็ดเงินว่าจะต้องใช้จำนวน มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากใช้ในระดับที่มีความจำเป็น ก็อาจจะมีหลายช่องทางเช่น งบประมาณปกติ , งบกลาง ซึ่งหากใช้น้อยอาจจะใช้งบของกระทรวงการคลัง ในการบริหารจัดการ แต่ต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง
 

     เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ที่จะนำเงิน 1.8 แสนล้านบาท ที่เตรียมใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท) เฟสต่อไปมาใช้ นายจุลพันธ์ ระบุว่ายังไม่ได้มีข้อสรุป เป็นการ พูดกันเอง ส่วนจะกระทบ กับ เงินจำนวนนี้หรือไม่ ยืนยันว่าไม่กระทบเพราะยังไงก็ต้องเดินหน้าทั้งสองโครงการ ซึ่งไม่เกี่ยวกัน


     เมื่อถามว่าแหล่งเงินมีหลายส่วนใช่หรือไม่นายจุลพันธ์  กล่าวว่าแหล่งเงินของความเป็นรัฐบาล มีหลายทางเลือกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นปกติ  
 

  นอกจากนี้นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอผลการศึกษา ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ ....  ต่อ คณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. ซึ่งไม่ใช่สัปดาห์หน้าเพราะไม่ได้รีบขนาดนั้น ส่วนจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่ใจ แต่ยืนยันว่าร่างพ.ร.บ.จะเข้าสู่การพิจารณาของครม.ภายในปีนี้แน่นอน

 

     การส่งเข้าครม.ต้องเป็นอำนาจของนายกฯ ในการพิจารณาวาระบรรจุเข้าสู่วาระครม.ซึ่งยังไม่ได้พูดคุยกันในขณะนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เร่งด่วนว่าต้องส่งวันนี้ พรุ่งนี้ เราก็ดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะมีวาระอื่นที่นายกฯต้องพิจารณาอยู่