posttoday

ไทยศรีประกันฯเทร้อยล้านสร้างแบรนด์ใหม่

26 มกราคม 2554

ไทยศรีประกันภัยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท สร้างแบรนด์ใหม่ พร้อมปรับแผนธุรกิจ ดันเบี้ย 2,000 ล้านบาท

ไทยศรีประกันภัยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท สร้างแบรนด์ใหม่ พร้อมปรับแผนธุรกิจ ดันเบี้ย 2,000 ล้านบาท

นายนที พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยศรีประกันภัย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อสร้างภาพลักษณ์หรือแบรนด์ใหม่ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นหลังจากที่ใช้แบรนด์เก่ามาได้ 6 ปี   และยังเป็นการสอดคล้องกับแผนปรับโครงสร้างองค์กรและกลยุทธ์การทำธุรกิจของบริษัทที่ต้องการเป็น 1 ใน 10 ของบริษัทชั้นนำด้านประกันภัยให้ได้ภายใน 5 ปี ซึ่งทำให้กำไรของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่กำไร 196 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ 14% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับที่ 2,036 ล้านบาท ค่าสินไหมทดแทน 592 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 704 ล้านบาท  รายได้จากการลงทุน 170 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ที่ 4,052 ล้านบาท  โดยมีอัตราค่าสินไหมทดแทนอยู่ที่ 43% ขณะที่ปี 2553 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ 1,800 ล้านบาท ค่าสินไหมทดแทน 610 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 593 ล้านบาท รายได้จากการลงทุน 205 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ 3,651 ล้านบาท  มีอัตราค่าสินไหมทดแทนอยู่ที่ 48%

นายธีระ บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท ไทยศรีประกันภัย กล่าวว่า  บริษัทจะเน้นทำตลาดในส่วนของแบบประกันที่มีกำไรและขาดทุนควบคู่กันไป  โดยพยายามเพิ่มสัดส่วนระหว่างเบี้ยรถยนต์ให้ได้ 60% และเบี้ยที่ไม่ใช่รถยนต์หรือนันมอเตอร์ให้ได้ 40%  จากปีที่ผ่านมาเบี้ยรถยนต์อยู่ที่ 66% และเบี้ยนันมอเตอร์อยู่ที่ 34%  โดยมีเป้าหมายทำสัดส่วนเบี้ยรถยนต์และเบี้ยนันมอเตอร์ให้ได้อย่างละ 50% เพื่อให้เกิดความสมดุลที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีถึงทำได้ เนื่องจากเบี้ยรถยนต์ยังเป็นเบี้ยหลักของบริษัทและมีการเติบโตที่สูงอยู่

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเบี้ยประกันภัยก็จะมีการปรับใหม่ให้เหมาะสมกับตลาด เนื่องจากเบี้ยของบริษัทในปัจจุบันมีทั้งที่ถูกกว่าและแพงกว่าในตลาด โดยเฉพาะในส่วนของเบี้ยจากโครงการก่อสร้างที่ยังต่ำกว่าตลาด  นอกจากนี้บริษัทจะมีการออกสินค้าใหม่ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ อย่างเช่น ประกันภัยรถยนต์จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่ต้องมีทุนประกันไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน ประกันภัยรถจักรยายนต์ขนาด 900 ซีซีขึ้นไป ต้องทุนประกันไม่ต่ำกว่า 4 แสนบาท  ประกันภัยเรือสำราญ ประกันภัยที่พักอาศัย และประกันภัยเพื่อสุขภาพ