posttoday

นักวิชาการ ห่วง"ทรัมป์-แฮร์ริส” คงนโยบายกีดกันการค้า ขย่มส่งออก-ท่องเที่ยวไทยร่วง

04 พฤศจิกายน 2567

หอการค้าไทย ห่วง แนวนโยบายการค้า “ทรัมป์-แฮร์ริส” กดเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำระยะสั้น หวั่นกระทบส่งออก-ท่องเที่ยวไทยปี68 ชี้หากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง โอกาสจีดีพีไทยขยายตัว 3-3.2% แต่หากกมลามา จีดีพีโต 3-3.5%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรเศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ว่า หลายสำนักวิจัยได้มีการจำลองผลการเลือกตั้ง พบว่าไม่ว่าผู้ชนะการเลือกตั้งจะเป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน หรือนางกมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมเครต เชื่อว่าจะเกิดภาพการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน เพื่อไม่ให้จีนเติบโตขึ้นมาได้ 

ส่วนใหญ่คาดว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัวได้ต่ำกว่ากรณีนางกมลา แฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง เพราะนโยบายเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และนโยบายการเลือกข้าง แบ่งข้าง และการใช้กรอบของสหรัฐเป็นตัวตั้ง โดยไม่ได้เน้นกติกาโลกเป็นตัวตั้งมากกว่า ดังนั้นหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ก็เป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำในระยะสั้น

 

     อย่างไรก็ดี ขณะเดียวกันนโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะมีการลดภาษีนิติบุคคลลง ตรงนี้จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชน และการลดความสำคัญของนโยบายเรื่องพลังงานสะอาด ก็จะทำให้ภาคธุรกิจไม่ต้องเคร่งเครียดกับปัจจัยดังกล่าว ซึ่งในส่วนนี้จะเข้ามาชดเชยการกีดกันทางการค้าจากการนำเข้าของจีน ขณะเดียวกันการขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศอีก 10% นั้น จะส่งผลให้วัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น ซึ่งมองว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกที่จะเดินหน้านโยบายที่สนับสนุนการผลิตภายในของภาคธุรกิจ เพื่อทำให้ธุรกิจแข่งขันกับนานาชาติได้ ซึ่งนโยบายทั้งหมดจะมีส่วนช่วยทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สามารถขยายตัวได้สูงกว่านโยบายของนางกมลา แฮร์ริส
 

     สำหรับผลกระทบจากผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ กับประเทศไทยนั้น นายธนวรรธน์ มองว่า จะมีผลกระทบ 2 ด้านสำคัญ คือ 1. ผลกระทบทางตรงในระยะสั้น โดยหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง มองว่าประเทศไทยจะส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น เพราะการถูกตั้งกำแพงภาษีที่สูงขึ้นเป็น 10% ซึ่งไทยเป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ดังนั้นหากสหรัฐฯ จะเข้ามาเน้นให้ไทยมีบทบาทในการได้เปรียบในการเข้าไปในตลาดสหรัฐฯ น้อยลง ก็อาจจะเป็นปัจจัยกดดันให้ไทยจำเป็นจะต้องเปิดตลาดกับสหรัฐฯ ให้มากขึ้น 

 

      2. ผลกระทบทางอ้อม คือ เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ทำให้ภาพการส่งออกและการท่องเที่ยวไม่โดดเด่น โดยมองว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเกินกรอบ 3% อาจจะไม่สูงมาก โดยจะอยู่ที่ระดับ 3-3.2% เท่านั้น แต่หากนางกมลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยก็น่าจะขยายตัวได้ที่ 3-3.5% เนื่องจากนางกมลา แฮร์ริส จะไม่มีการกีดกันทางการค้าเข้มข้นเท่านายโดนัลด์ ทรัมป์ 


      อย่างไรก็ดี หากท้ายที่สุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง สิ่งที่จะต้องจับตา คือ การเห็นภาพการเคลื่อนย้ายเงินทุนของจีนสูงขึ้น เนื่องจากจีนจะถูกควบคุมการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลให้จีนเลือกข้างมากขึ้น ดังนั้นโอกาสที่จีนจะย้ายฐษนการผลิตเข้ามาในไทยและอาเซียนก็จะเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันจีนก็จะเร่งสร้างสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียและอาเซียนมากขึ้นด้วย