กฟผ.ชี้พลังงานสีเขียวเป็นกลไกช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯเผย พลังงานสีเขียวช่วยจับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมพัฒนาผลักดันการใช้และบริหารจัดการให้มุ่งสู่ความยั่งยืน
ธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เข้าร่วมงานเสวนาบนเวที Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business ในหัวข้อ Green Energy for Sustainable Business Growth กล่าวว่า
พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันของไทยมีอัตราส่วนการผลิตจากกก๊าซธรรมชาติกว่า 60% ถ่านหิน 20% และพลังงานสะอาดอีก 20% อาจดูน้อยไปบ้างแต่ปัจจุบันไทยกำลังมุ่งหน้าในเรื่องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมมีแผนที่จะผลักดันการใช้พลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนถึง 51% ในอนาคต
ทางกฟผ.มองว่า พลังงานสีเขียวเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสู่ตลาดโลก โดยปัจจุบันทางกฟผ.ได้มีบทบาทส่งเสริมศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศ ดังนี้
เริ่มจากการเพิ่มสัดส่วนในการใช้พลังงานสีเขียว ตั้งแต่โครงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ, แนวคิดในการใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ไปจนการอนุญาตผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจนและแอมโมเนีย พร้อมรับซื้อพลังงานสีเขียวจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสีเขียวในประเทศให้บรรลุตามเป้าหมาย
บทบาทต่อมาคือ พัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับพลังงานหมุนเวียน เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ที่มีการใช้งานใน ชัยภูมิ และ ลพบุรี เพื่อจัดเก็บพลังงานลมและแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ ทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่พลังน้ำที่กักเก็บพลังงานส่วนเกินจากการผลิตไว้ใช้ในภายหลัง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนสายส่งพลังงานแรงสูง ทั้งยังเพิ่มเสถียรภาพด้านพลังงานแก่ประเทศอีกด้วย
อันดับสุดท้ายคือ ความยั่งยืน การเป็นผู้ดูแลโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของกฟผ. มีเป้าหมายสำคัญคือ การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพราะพลังงานสีเขียวเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบสนองสินค้าและบริการทั่วโลก ทั้งในด้านลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการปล่อยของเสียในการผลิตพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ทั้งหมดเป็นมุมมองของกฟผ.ในด้านพลังงานสีเขียวที่มีบทบาทต่อความยั่งยืนต่อไป