posttoday

จับตา 13 ม.ค.68 ครม.เคาะกฎหมายปราบมิจฉาชีพออนไลน์ Facebook-TikTok โดนด้วย

09 มกราคม 2568

“ประเสริฐ”เผยกฎหมายปราบมิจฉาชีพออนไลน์ เอาผิดแบงก์-ค่ายมือถือ เข้าครม.13 ม.ค.นี้ คาดมีผลบังคับใช้ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ด้านแหล่งข่าววงในระบุกฎหมายใหม่เอาผิด Facebook-TikTok ด้วย เหตุปล่อยเป็นพื้นที่มิจฉาชีพแฝงตัวหลอกประชาชน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ม.ค. 2568 จะมีวาระเสนอให้ครม.เห็นชอบการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 หากผ่านความเห็นชอบ คาดว่าไม่เกิน 3 วันจะสามารถประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ทันที

สำหรับรายละเอียดของกฎหมายดังกล่าว กระทรวงดีอี ได้ทำเสร็จตั้งแต่เดือน พ.ย. 2567 จากนั้นในเดือน ธ.ค.2567 สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม  โดยสาระสำคัญการแก้ไขกฎหมาย คือการให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) ร่วมรับผิดชอบการคืนเงินให้ผู้เสียหาย 

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะออกมาตรการเสริม  คือ การควบคุมการซื้อซิมการ์ดของนิติบุคคล ซึ่งมีการซื้อ-ขายจำนวนมาก แต่ไม่มีการกำหนดให้มีการลงทะเบียน เพื่อป้องกันการใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย โดยจะมีการหารือออกมาตรการกับทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

นอกจากนี้ยังจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลธนาคารต่างๆ กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อหยุดวงจรการฟอกเงิน โดยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กสทช., โอเปอเรเตอร์ และธนาคาร จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น การตรวจสอบบัญชีม้า, การคัดกรองการโอนเงิน และการควบคุมระบบการเงินดิจิทัลที่มิจฉาชีพเปลี่ยนการโอนเงิน เป็นสกุลเงินดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการก่ออาชญากรรมที่สำคัญของขบวนการมิจฉาชีพ ซึ่ง ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่เดือน ต.ค. – ธ.ค. 2567 รวมระยะเวลา 3 เดือน ได้ดำเนินการปิดกั้นไปแล้ว 52,691 รายการ หรือเฉลี่ย 17,564 รายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 0.69 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 67 ที่ปิดกั้น 31,154 รายการ หรือ เฉลี่ย 10,385 รายการต่อเดือน

อนึ่ง ก่อนหน้านั้น แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการโทรคมนาคม กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เอาผิดแค่ธนาคารและค่ายมือถือ แต่ยังมีการเอาผิดกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook-TikTok ด้วย หากเป็นช่องทางปล่อยปละ ละเลย ไม่ควบคุมให้มิจฉาชีพ ใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน

ดังนั้นทั้ง Facebook-TikTok  ต้องมีส่วนร่วมในการคัดกรองเนื้อหาและโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง หากไม่ปฏิบัติตามหรือปล่อยละเลยถือว่าความผิดตามกฎหมาย