เปิดรายได้ The Body Shop แบรนด์สกินแคร์ชื่อดัง หลังประกาศปิดทุกสาขาในไทย
เปิดรายได้ 5 ปี เดอะบอดี้ ช็อป (The Body Shop) แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังสัญชาติอังกฤษ หลังประกาศปิดทุกสาขาในไทย พบล่าสุดขาดทุน 18 ล้านบาท ให้บริการวันสุดท้าย 31 มกราคม 2568
ภายหลังจาก เดอะ บอดี้ช็อป (The Body Shop) สกินแคร์แบรนด์ดังจากอังกฤษ ได้ประกาศยุติให้บริการทุกสาขาในไทย โดยระบุว่าจะหยุดการจำหน่ายทุกช่องทางตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2568 เป็นต้นไป แต่ยังไม่ได้แจ้งสาเหตุที่แน่ชัด และทิศทางของแบรนด์ต่อไป
สำหรับ เดอะ บอดี้ช็อป (The Body Shop) เป็นหนึ่งในแบรนด์สกินแคร์ ที่ได้รับความนิยมหลากหลายประเทศทั่วโลก ด้วยจุดยืนชัดเจนเป็นผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ทดลองผลิตภัณฑ์กับสัตว์ ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนมือบริหารมาแล้ว 3 ครั้ง จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ปิดสาขาในหลายประเทศ
The Body Shop ปักธงแบรนด์ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2519 ร้าน The Body Shop แห่งแรกได้ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ โดย “แอนนิตา ร็อดดิก” (Anita Roddick) ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนวงการเครื่องสำอางในยุคนั้น ทั้งยังเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงทำให้สกินแคร์และเครื่องสำอางของแบรนด์ถูกผลิตขึ้นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่มีความออร์แกนิกและอ่อนโยน
แอนนิตา มีแนวคิดอยากทำเรื่องความงามของผู้คนทั้งจากภายในสู่ภายนอก อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) อย่างเข้มงวด และยึดหลักของ ‘วีแกน’ (Vegetarition) ที่ไม่ใช้สัตว์ในการทดสอบคุณภาพสินค้า และไม่ใส่ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ในผลิตภัณฑ์ เช่น ไขมันสัตว์ ขี้ผึ้ง และน้ำนม เป็นต้น
ด้วยแนวคิดที่โดดเด่นของแบรนด์ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะครองใจลูกค้า จน The Body Shop กลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี พ.ศ.2523 และมีการขยายสาขาไปทั่วสหราชอาณาจักรอย่างรวดเร็ว และขยายแฟรนไชส์ไปกว่า 3,000 สาขา ใน 66 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ปัจจุบันมีกว่า 37 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ The Body Shop Thailand
ธุรกิจที่เปลี่ยนมือหลายครั้ง นำมาสู่การยื่นล้มละลาย
หลังจากประสบความสำเร็จในระดับโลก The Body Shop ถูกเปลี่ยนมือบริหารหลายครั้ง
- ปี 2549 แอนนิตาขายหุ้นทั้งหมดให้กับลอรีอัล (L’oreal) เชนเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ปี 2560 ลอรีอัลขายบริษัทต่อให้กับ นาทูร่า (Natura) ยักษ์ใหญ่ความงามจากบราซิล
- ปี 2566 ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งสู่ ออเรลิอุส (Aurelius) บริษัทประเภทบริษัท Private Equity Firm จากเยอรมนี ที่มีเป้าหมายหลักในการทำธุรกิจเพื่อนำหุ้นเข้าตลาด
อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2567 มีความเคลื่อนไหวของ The Body Shop อย่างต่อเนื่อง แบรนด์เผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งการปรับโครงสร้างองค์กร โดยมุ่งเน้นลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพด้านอีคอมเมิร์ซรวมถึงการเข้าสู่กระบวนการล้มละลายในสหราชอาณาจักร พร้อมทั้งการปิดสาขาหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยปรับกลยุทธ์เน้นการขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เป็นหลัก รวมถึงการลีนองค์กร
ทั้งนี้ The Body Shop ในหลายประเทศยังคงเปิดดำเนินการอยู่ และอาจมีการปิดตัวไปบางสาขาเช่นเดียวกับประเทศไทย
ส่องรายได้ 5 ปี พบ ปี‘65 ขาดทุนกว่า 18 ล้าน
โพสต์ทูเดย์ ค้นหาข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า The Body Shop ภายใต้การบริหารของ “บริษัท เอิร์ธแคร์ จำกัด” มีตระกูล จิราธิวัฒน์ เป็นกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์, นายสุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์, นายปริญญ์ จิราธิวัฒน์, นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์,นายณรงค์ฤทธิ์ จิราธิวัฒน์, นายพิชัย จิราธิวัฒน์, นายไท จิราธิวัฒน์ จดทะเบียนจัดตั้งวันที่ 28 กันยายน 2536 ด้วยทุน 55,000,000.00 บาท
ขณะที่ภาพรวมรายได้ 5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2562-2566 พบว่า บริษัทมีทั้งกำไรและขาดทุนสลับกัน โดยปี 2565 เป็นปีที่ขาดทุนกว่า 18 ล้านบาท ดังนี้
- ปี 2562 รายได้ 329,043,765 บาท กำไร 11,137,807 บาท
- ปี 2563 รายได้ 98,769,903 บาท กำไร 15,618,430 บาท
- ปี 2564 รายได้ 460,242 บาท ขาดทุน 756,478.51 บาท
- ปี 2565 รายได้ 304,326 บาท ขาดทุน 18,407,418.67 บาท
- ปี 2566 รายได้ 4,232,939 บาท กำไร 2,260,601.52 บาท
อย่างไรก็ตามเฟซบุ๊กเพจ The Body Shop แจ้งข่าวปิดให้บริการในประเทศไทย เป็นการขอพักเบรกเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า จะปรับเป็นการขายบนช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียวหรือไม่อย่างไร เพียงแต่ระบุว่า ให้แฟนๆ อดใจรอกันอีกนิด แล้วจะกลับมาภายหลัง เพื่อให้ลูกค้าได้รีบตุนสินค้ายอฮิตของแบรนด์