พิชัย ปักธงดัน "อินฟาสตรัคเจอร์ ฟันด์" อุ้มรถไฟฟ้า 20 บาท ชัดเจนภายในปีนี้
"พิชัย เร่งตั้งกองทุน 'อินฟาสตรัคเจอร์ ฟันด์' สนับสนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสย ปักธงเห็นได้ภายในปีนี้ พร้อมย้ำ รัฐวิสาหกิจต้องกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาว ปรับตัวตามโลกเปลี่ยน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 1/2568 ว่า ได้มอบนโยบายให้กับรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง 52 แห่ง ให้มีการวางแผนยุทธศาสตร์ในระยะยาว อย่ามองสั้นๆแค่ 1-2 ปีเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มุ่งไปในทิศทางเกี่ยวกับเทคโนโลยี อินโนเวชั่น ดังนั้นการวางแผนยุทธศาสตร์จึงต้องมีความครอบคลุม ยืดหยุ่น และยึดหลักความมั่นคง ยั่งยืนเป็นหลัก ตามองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD)
ทั้งนี้ สะท้อนว่าคณะกรรมการรัฐิวิสาหกิจจำเป็นจะต้องมีบทบาทและหน้าที่ลงไปช่วยฝ่ายบริหารในการผลักดัน หรือกำหนดยุทธศาสตร์ขององค์กร ส่วนเรื่องกำไรมากหรือน้อยนั้น กระทรวงการคลังไม่อยากนำส่วนนี้มาใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดผลงานรัฐวิสาหกิจ เพราะต้องยอมรับว่ารัฐวิสาหกิจหลายแห่งไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร เน้นไปที่การดูแลและช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก ดังนั้นภาพที่อยากเห็นอย่างชัดเจนคือรัฐวิสาหกิจสามารถอยู่ได้ รองรับภาคเอกชน และเติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข็งแรงเป็นหลัก
ประเทศไทยมีสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 16 ล้านล้านบาท และหนี้สินราว 12.5 ล้านล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตและมีความยั่งยืนในระยะยาว แต่บางรัฐวิสาหกิจทำงานก็ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร จึงออกมาเป็นตัวเลขผลงานที่ 3.7 แสนล้านบาท สะท้อนว่าอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) อยู่แค่ 2% ถือว่าค่อนข้างต่ำ จากที่ควรจะอยู่ที่ 6% เพราะต้องยอมรับว่าหลายแห่งทำเพื่อสาธารณะ เช่น การลดค่าสาธารณูปโภค ซึ่งแน่นอนว่าตรงนี้ต้องเข้าใจว่าคงเอา ROA มาวัดเป็นผลงานโดยรวมของทุกรัฐวิสาหกิจไม่ได้ หากจะวัดจริง ๆ ก็อาจจะต้องแยกเป็นกลุ่มๆ
พร้อมกันนี้ นายพิชัยได้กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งกองทุน ‘อินฟาสตรัคเจอร์ ฟันด์’ วงเงิน 300,000 ล้านบาท โดยกำลังผลักดดันอย่างเต็ม โดยคาดวจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในประเทศ อย่างโครงการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าที่จะสามารถเก็บค่าบริการได้ในราคาประมาณ 20 บาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว
นายพิชัยมั่นใจว่า กองทุนนี้จะสามารถระดมทุนจากภาคเอกชนและนักลงทุน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และทำให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเราต้องดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตและแข่งขันได้ในอนาคต