ไทยเกาะติด จีนฟ้องร้องสหรัฐฯ ต่อ WTO หลัง “ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษี 10%
“พิชัย” สั่งทูตไทยประจำ WTO ติดตามจีนฟ้องสหรัฐ หลัง “ทรัมป์” ขึ้นภาษีสินค้าจีน 10% “พิมพ์ชนก” เผย WTO เริ่มกระบวนการระงับข้อพิพาทแล้ว ไทยพร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดรวมทั้งมาตรการตอบโต้ของประเทศอื่นๆ
นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (คผท.) เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ ติดตามกรณีที่จีนประกาศว่าจะ ฟ้องร้องสหรัฐ ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศ ขึ้นภาษีสินค้าจีน 10 % เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 อย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดจีนได้ยื่นเรื่องขอหารือกับสหรัฐ เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการระงับข้อพิพาทของจีนอย่างเป็นทางการใน WTO
จากเอกสารของจีนที่ยื่นขอหารือกับสหรัฐ ได้กล่าวถึงมาตรการขึ้นภาษีศุลกากร (tariff) สินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากจีน 10 % โดยใช้อำนาจของ section 1702(a)(1)(b) ของ International Emergency Economic Powers Act (IEEPA)
สหรัฐ แจ้งว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เป็นความเร่งด่วนระดับชาติ (national emergency) คือ การไหลเข้ามาของสารสังเคราะห์โอปิออยด์ (synthetic opioids) โดยการขึ้นภาษีศุลกากรดังกล่าวได้มีผลใช้บังคับแล้วในวันที่ 4 ก.พ.2568 ซึ่งในความเห็นของจีน เป็นมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ WTO ใน 2 ประเด็นคือ
1.ขัดต่อหลักการประปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง หรือ Most-favoured nation treatment (MFN) ซึ่งกำหนดให้สมาชิก WTO ใช้มาตรการเหมือนกันในสินค้าประเภทเดียวกันกับทุกประเทศสมาชิก WTO ด้วยกัน ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ
2.ขัดต่อพันธกรณีของสหรัฐ เรื่องอัตราภาษีศุลกากร โดยเป็นการเก็บภาษีเกินกว่าระดับที่ผูกพันไว้ (bound rate) นอกจากนี้ จีนระบุว่า การทำผิดกฎเกณฑ์ดังกล่าวทำให้จีนเสียหรือถูกลดทอนผลประโยชน์ทางการค้าที่ควรได้รับ (nullify or impair benefits) และจีนสงวนสิทธิที่จะยกเรื่องเพิ่มเติมต่อไป
สำหรับขั้นตอนต่อไปตามที่กำหนดในความตกลงว่าด้วยกระบวนการระงับข้อพิพาทของ WTO นั้น สหรัฐ จะต้องตอบกลับจีนภายใน 10 วัน และร่วมหารือกันภายใน 30 วัน โดยหากไม่ตอบหรือเข้าร่วมการหารือ ประเทศที่ขอหารือสามารถเริ่มกระบวนการแต่งตั้งคณะผู้พิจารณาคดีได้ หรือ หากมีการหารือร่วมกัน แต่เกิน 60 วันไปแล้วโดยไม่มีข้อยุติระหว่างกัน ประเทศที่ขอหารือก็สามารถเริ่มกระบวนการแต่งตั้งคณะผู้พิจารณาคดีได้เช่นกัน
นางพิมพ์ชนก กล่าวว่า การที่จีนได้ยื่นเอกสารขอหารือกับสหรัฐ ครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการระงับข้อพิพาทภายใต้ WTO อย่างเป็นทางการ โดยกระบวนการขอหารือ (request for consultation) ถือเป็นขั้นตอนแรก
หากคู่กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ในการหารือนี้ ก็อาจพิจารณาร้องขอให้องค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO พิจารณาแต่งตั้งคณะผู้พิจารณา (Panel) เพื่อพิจารณาคดีในรายละเอียดตามหลักกฎหมายของ WTO ต่อไป ซึ่งสหรัฐ จะสามารถคัดค้านการจัดตั้งคณะ Panel ได้เพียง 1 รอบ แต่จะไม่สามารถขัดขวางได้ในการพิจารณาจัดตั้งรอบที่ 2 เพราะจำเป็นต้องได้รับฉันทามติจากองค์กรระงับข้อพิพาทด้วย (negative consensus)
ทั้งนี้ นอกจากกรณีล่าสุดนี้แล้ว ปัจจุบันจีนกับสหรัฐ มีคดีที่ฟ้องร้องกันอยู่หลายคดีใน WTO ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์ 1 จนถึงรัฐบาลไบเดน (มีทั้งที่อยู่ในขั้นขอหารือจนถึงขั้นอุทธรณ์) โดยคดีเกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอะลูนิเนียม คณะผู้พิจารณาได้ตัดสินว่า สหรัฐ ทำผิดจริง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งยังทำไม่ได้เพราะสหรัฐ คัดค้านการแต่งตั้งตัวบุคคลเข้ามาพิจารณาในขั้นตอนอุทธรณ์ (Appellate Body) ตั้งแต่ปี 2561
ไทยจะติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ของสหรัฐ และมาตรการตอบโต้ของประเทศอื่นในกรอบ WTO และส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำลังอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐ เพื่อหารือกับระดับนโยบายทั้งในรัฐสภา หน่วยงานต่างๆ ภาคเอกชน และภาคส่วนต่างๆ ในสหรัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจ และเสริมสร้างกระชับความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐ ต่อไป