ธนารักษ์ ใช้ดาวเทียมเสริมแกร่งประเมินราคาที่ดิน มั่นใจผลแม่นยำ เริ่มปี 70
ธนารักษ์ เดินเครื่องจัดทำมาสเตอร์แพลน ยกระดับบริหารจัดการด้าน อัพมูลค่าเพิ่มที่ดินราชพัสดุ ทั้งด้านรายได้และวัฒนธรรม พร้อมใช้ดาวเทียมเสริมแกร่งการประเมินราคาที่ดิน มั่นใจปี 2570 ได้เห็นผลประเมินที่ดินทั่วประเทศใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
กรมธนารักษ์ อยู่ระหว่างเร่งจัดทำพิมพ์เขียว (มาสเตอร์แพลน) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการที่ดินราชพัสดุ รวมถึงการดูแลเหรียญกษาปณ์และการประเมินราคาที่ดิน โดยมุ่งหวังให้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศในปี 2570 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับความจริงที่สุด เพื่อตอบโจทย์ในการยกระดับมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินของรัฐ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่า กรมฯ กำลังพัฒนายุทธศาสตร์ที่แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาที่ราชพัสดุ การบริหารเหรียญกษาปณ์ และการประเมินราคาที่ดิน โดยจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและดาวเทียมในการเสริมศักยภาพการประเมินราคาที่ดินในรูปแบบรายแปลงทั่วประเทศ เพื่อลดความคลาดเคลื่อนและให้ราคาประเมินใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง เช่น ที่ดินที่ติดถนนหรือที่ดินตาบอด จะได้รับการประเมินราคาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
โดยในส่วนของมาสเตอร์แพลนด้านที่ราชพัสดุนั้น กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการวางแผนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งด้านรายได้และด้านวัฒนธรรม และเพื่อให้การพัฒนาที่ดินราชพัสดุในแต่ละพื้นที่สอดคล้องกับศักยยภาพ 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีการนำร่องยกระดับการพัฒนาในที่ดินราชพัสดุที่จังหวัดนครนายกเป็นที่แรก
นอกจากนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ กรมฯ จะมีการบริหารร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ โดยการดึงที่ดินราชพัสดุที่มีศักยภาพและหมดอายุสัญญาเช่ากลับเข้ามาอยู่ในพอร์ต เพื่อบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ที่เหมาะสมสูงที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินราชพัสดุอยู่ราว 12.5 ล้านราย ในส่วนนี้กรมฯ มีการบริหารจัดการเอง ราว 9.5 แสนไร่
สำหรับการประเมินราคาที่ดินนั้น จะมีการดึงเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะดาวเทียมเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการประเมินราคาที่ดินทั้งประเทศในแบบรายแปลง เพื่อให้ราคาประเมินสอดคล้องและใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เช่น ที่ดินที่มีถนนตัดผ่าน ที่ดินตาบอด ราคาประเมินจะไม่เท่ากันอย่างชัดเจน ซึ่งมองว่าการที่ราคาประเมินทำได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับที่ดิน และจะช่วยให้กับการจัดเก็บภาษีที่ดินเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และจะมีประโยชน์มากขึ้นในกรณีที่มีการนำที่ดินไปใช้ในการขอสินเชื่อ ซึ่งก็จะมีผลดีในการทำให้สินเชื่อในระบบเติบโตมากขึ้นด้วย
การใช้เทคโนโลยีดาวเทียมเข้ามาช่วยเสริมในการประเมินราคาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การจัดเก็บภาษีที่ดินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ราคาประเมินใกล้เครียงกับความเป็นจริงมากขึ้น และจะช่วยสนับสนุนการขอสินเชื่อที่ดิน ทำให้ระบบการเงินเติบโตในระยะยาว ซึ่งตรงนี้จะได้เห็นในการประกาศราคาประเมินรอบใหม่ในปี 2570
นายเอกนิติกล่าวต่อไปว่า สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีงบประมาณ 2568 กรมฯ ตั้งเป้าหมายที่ 10,600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเติบโต 5-10% จากปีที่ผ่านมา โดยการดำเนินการจะเน้นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์รัฐอย่างยั่งยืน