ดูแลหน่อยค่ะ จะเป็นมามี้แล้ว
สำหรับผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์แล้ว เชื่อแน่ว่าการที่ได้มีลูกหมาลูกแมวตัวเล็กๆ วิ่งอยู่ในบ้าน ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง....
สำหรับผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์แล้ว เชื่อแน่ว่าการที่ได้มีลูกหมาลูกแมวตัวเล็กๆ วิ่งอยู่ในบ้าน ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง....
โดย...รัฐพร คำหอม / ภาพ...คลังภาพโพสต์ทูเดย์
สำหรับผู้ที่ชอบเลี้ยงสัตว์แล้ว เชื่อแน่ว่าการที่ได้มีลูกหมาลูกแมวตัวเล็กๆ วิ่งอยู่ในบ้าน ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง (ก็ดูซิหมีแพนด้าน้อยหลินปิง ยังมีแฟนคลับตั้งมากมาย เพราะความน่ารักนี่เอง คนเราเลยเฝ้าดูพฤติกรรม) แล้วเจ้าตัวเล็กสี่ขานี่ ตอนตัวเล็กๆ ก็สร้างความวุ่นวายให้บ้านได้สนุกสนานเชียวล่ะ
ทีนี้ก่อนจะไปถึงการมีเจ้าตัวเล็กๆ ออกมา ถ้า ไม่ใช่การไปซื้อหามาตอนที่ยังเล็กๆ อยู่ ก็จะเป็นแมวหมาที่เกิดขึ้นในบ้าน เรียกได้ว่าเห็นกันมาตั้งแต่ "ตัวแม่" ตั้งท้องนั่นล่ะ (ผู้เลี้ยง) มือใหม่นี่อาจจะเกร็งๆ สักหน่อย แต่สำหรับผู้เขียนผ่านการมีลูก เอ้ย...ผ่านประสบการณ์แมวที่บ้านตั้งท้องและออกลูก มาตั้งแต่จำความได้ เลยดูเป็นเรื่องไม่แปลกนัก แต่จริงๆ แล้วเราก็ควรจะทราบอย่างเป็นหลักการไว้เสียหน่อย เพราะในอดีตก็เคยมีแมวบางครอกของ ผู้เขียนที่คลอดออกมาแล้วก็ไม่รอด ตายไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาก็มีเหมือนกัน ถ้าให้เดาคงเป็นเพราะไม่ได้ใส่ใจดูแลแม่แมวในขณะที่ท้องเท่าที่ควรนั่นเอง
วิธีสังเกตหมาแมวเริ่มท้อง
สัตว์ตั้งท้องนั้นอาจจะดูยากหน่อย อย่างแม่ หลินฮุ่ยขนาดติดตามใกล้ชิดกันขนาดนั้น ยังมา ทราบกันวันที่หลินปิงเกือบจะออกมาลืมตาดูโลกอยู่แล้ว (เขียนถึงหมีแพนด้าบ่อยๆ นี่ เพราะรักนะ ถือได้ว่าเป็นแฟนคลับคนหนึ่ง ว่างเป็นต้องออนไลน์ดูกิจกรรมของสองแม่ลูกคู่นี้) เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วคนเลี้ยงสัตว์อย่างเราๆ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ทราบว่าสัตว์เลี้ยงของเราตั้งท้องในช่วงแรก เพราะอาการแพ้ท้องอย่างคนนั้นในสัตว์แทบจะไม่ค่อยปรากฏ จะลองสังเกตจากการกินจุขึ้น หรือมีอาการเพลียๆ ก็แทบจะมองไม่เห็น ยิ่งอาการโอ้กอ้ากยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีให้เห็น เพราะเป็นสัตว์ไม่ใช่คน
แต่ถ้าเป็นแม่หมาแม่แมว มีการผสมพันธุ์อย่างที่เจ้าของรู้เห็นตั้งใจให้มีลูก จะสามารถนับจำนวนวันเพื่อการวินิจฉัยได้ว่าสัตว์เลี้ยงของเราท้องหรือไม่ ด้วยการคลำ อัลตราซาวด์ หรือภาพถ่ายรังสี การ คลำสามารถตรวจได้ตั้งแต่วันที่ 21 ถึง 28 ของการตั้งท้อง จะรู้สึกได้ว่า มีอะไรดิ้นๆ น้อยๆ อยู่ในท้อง และถ้าจะให้ชัดเจนแน่นอนสามารถพาแม่สัตว์ไปอัลตราซาวด์ได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ ซึ่งสามารถพบลักษณะถุงน้ำของตัวอ่อนได้ตั้งแต่วันที่ 17 ของการตั้งครรภ์ แต่จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นประมาณวันที่ 25 ถึง 30 ซึ่งช่วงนี้จะเริ่มพบการเต้นของหัวใจ ส่วนการถ่ายภาพรังสีนั้น มักทำกันหลังการตั้งท้องวันที่ 50 ขึ้นไป เพื่อเป็นการตรวจนับจำนวนลูกที่อยู่ในท้อง
ส่วนการสังเกตแบบทั่วๆ ไป หาก เราคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำอยู่แล้ว จะสังเกตได้เมื่อผ่านการตั้งท้องไปแล้ว สัก 30 วัน จะเห็นอาการท้องใหญ่ขึ้น นมขยายใหญ่ขึ้น แล้วถ้าลองจับท้องดู จะรู้สึกถึงการดิ้นของลูกสัตว์ในท้องได้
การดูแล
เมื่อแน่ใจว่าหมาแมวของเราท้อง เรื่องการให้อาหารก็ให้เป็นไปตามปกติ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มปริมาณอาหาร เพราะอาจทำให้แม่หมาแม่แมวอ้วนมากขึ้น จะเกิดปัญหาคลอดยากตามมาได้ แต่ถ้าจะเพิ่มปริมาณอาหารสามารถเพิ่มได้ที่อายุการตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์สุดท้าย (โดยทั่วๆ ไป หมาและแมว ตั้งท้องเป็นเวลา 62-75 วัน หรือสองเดือนนิดก็จะออกลูก) โดยให้เพิ่มขึ้นจากที่ให้ปกติ 30-40% โดยเน้นพวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แต่ถ้าสุนัขน้ำหนักน้อยกว่าปกติ ควรต้องเพิ่มปริมาณอาหารที่มีคุณภาพเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของลูกในท้อง ถ้าแม่ไม่ได้อาหารที่เหมาะสมเพียงพอจะทำให้น้ำหนักลูกแรกคลอดต่ำและมีอัตราการตายสูง ส่วนพวกวิตามินและแคลเซียมนั้น ไม่ได้จำเป็นมากนักเช่นกัน หากดูแลให้อาหารสัตว์เลี้ยงเราด้วยดีมาตลอด ยิ่งถ้าเลี้ยงด้วยอาหารเม็ด หรืออาหารกระป๋อง สารอาหารก็มีตามที่สัตว์ต้องการอยู่แล้ว
การอาบน้ำและทำวัคซีน
ในสภาพอากาศที่ไม่ดีครึ้มฟ้าครึ้มฝน ไม่ควรอาบน้ำให้ และในช่วงแรกท้อง 7 วันหลังผสม กับช่วงท้าย 7 วันก่อนคลอด ก็เป็นเวลาที่ไม่เหมาะกับการอาบน้ำเช่นกัน ส่วนการฉีดวัคซีนนั้นไม่ควรทำในขณะที่สัตว์ ตั้งท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนเชื้อเป็น เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำวัคซีน คือช่วงก่อนตั้งครรภ์ หรือก่อนผสม เพื่อที่จะให้ภูมิคุ้มกันของแม่ถ่ายทอดไปสู่ลูก โดยผ่านทางน้ำนม น้ำเหลือง (Colostrum) ในวันแรกหลังคลอด
การถ่ายพยาธิและภาวะปรสิต
มีปรสิตที่สามารถถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูกได้ เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ จึงควรมีการถ่ายพยาธิ เพื่อความปลอดภัยของลูกในครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงยากำจัด ปรสิตภายนอก เช่น กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และ ไพริทรอยด์ เพื่อกำจัดเห็บ หมัด
ตัวอ่อนพยาธิหนอนหัวใจ สามารถข้ามรกจากแม่ไปสู่ตัวลูกได้ จึงควรทำการตรวจสอบหาพยาธิหนอนหัวใจก่อนการผสม
จะคลอดแล้วจ้า
อาการแมวหมาใกล้คลอดจะคล้ายกัน คือ
1.อุณหภูมิร่างกายลดลง กระสับกระส่าย แม่เริ่มสร้างอาณาเขตของตัวเอง อาจไปหาที่ลับตาเพื่อคลอด เจ้าของควรเฝ้าดูไว้ เมื่อเริ่มเบ่ง แม่จะหายใจถี่และหอบ
2.ขณะเบ่งแม่อาจลุกขึ้นยืนและหมุนตัวไปรอบๆ แต่บางตัวชอบนอนราบลง ควรปล่อยให้แม่เบ่งในท่าคลอดที่เลือกเอง
3.แม้จะเป็นลูกครอกแรก แต่โดยสัญชาตญาณแม่จะหันมาสำรวจลูกและเลียน้ำคร่ำและเยื่อหุ้มตัวออก จากนั้นแม่จะกัดสายสะดือและกินรกที่ออกมากับลูก
4.การที่แม่เลียน้ำคร่ำออกจากปากและจมูกลูกค่อนข้างแรงเป็นการให้ความอบอุ่นแก่ลูก และเป็นการกระตุ้นระบบหายใจของลูกด้วย
5.แม่อาจจะหยุดพักในระหว่างการคลอด เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงและพร้อมที่จะเบ่งอีก
6.ในระหว่างการคลอดลูกแต่ละตัว แม่จะผ่อนคลายและพักนานขึ้น เพื่อรอเบ่งตัวใหม่ออกมา แม่ส่วนมากจะไม่ยอมให้ลูกกินนมจนกว่าจะคลอดลูกออกหมดแล้ว อย่าลืมดูว่ารกได้ถูกขับออกมาเท่าจำนวนลูกหรือไม่
7.แม้ว่าลูกจะคลานไปไกลเพียงใด ถ้าแม่ได้ยินเสียงลูกร้องก็จะตามไปคาบกลับมา เนื่องจากแม่ตอบสนองต่อเสียงร้องของลูก แต่ถ้าลูกคลานห่างออกไปโดยไม่ส่งเสียงร้องแม่อาจไม่สนใจที่จะตามลูกกลับ
8.หลังจากลูกดูดนมอิ่มแล้ว แม่จะเลียรอบอวัยวะเพศและทวารหนักของลูกเพื่อกระตุ้นการ ขับถ่าย แม่จะกินสิ่งที่ลูกขับถ่ายออกมาด้วยตาม สัญชาตญาณ จนกระทั่งลูกอายุได้ 3 สัปดาห์