การพัฒนาสินค้าคือหัวใจ “ทรู ไอดี” ดึง AI สู้ศึกธุรกิจคอนเทนต์
กางแผนทรู ไอดี 2568 แพลตฟอร์ม OTT ของไทย แข่งกับต่างชาติอย่างไร “วินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ” ชี้ ต้องรู้ความต้องการผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม เพิ่มความพึงพอใจ ก้าวสู่ธุรกิจ โซเชียล คอมเมิร์ซ ดึง AI พัฒนาสินค้า “หัวใจหลักธุรกิจ”
ทรู ไอดี แพลตฟอร์ม OTT (Over-The-Top) บริการเนื้อหาวิดีโอสตรีมผ่านอินเทอร์เน็ตของคนไทย กำลังถูกจับตามองจากสังคม หลังจากที่มีคดีกับศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์
จากเหตุที่ บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด หรือ ทรู ไอดี ฟ้อง กสทช.พิรงรอง เหตุออกหนังสือเตือนไปยังทีวีดิจิทัล ทุกช่อง ห้ามออกอากาศบนแพลตฟอร์มทรู ไอดี โดยมองว่าทรู ไอดี มีโฆษณาของตนเองคั่นระหว่างการถ่ายทอดรายการ ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎมัสต์แครี่ (Must Carry) ที่ต้องถ่ายทอดทุกอย่างให้เหมือนกับช่องทีวีดิจิทัล
จนทำให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษา จำคุก 2 ปี กสทช.พิรงรอง 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ เหตุผลสำคัญที่กสทช.ไม่มีอำนาจในการบังคับทรูไอดี คือ ทรู ไอดี เป็น แพลตฟอร์ม OTT ที่กสทช.ยังไม่มีอำนาจในการกำกับดูแล ตามที่ โพสต์ทูเดย์ ได้นำเสนอไปแล้วนั้น https://www.posttoday.com/business/719862
ปี 66 ขาดทุน 4.5 พันล้านบาท
โพสต์ทูเดย์ หาข้อมูลย้อนผลประกอบการ 5 ปี บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ตั้งแต่ปี 2562-2566 จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า อยู่ในภาวะขาดทุน โดยในปี 2566 มีรายได้ 1.8 พันล้านบาท แต่ขาดทุน 4.5 พันล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 1,394,561,832 บาท
ขาดทุน 1,467,498,819 บาท
ปี 2563 รายได้ 2,254,773,645 บาท
ขาดทุน 1,602,360,182 บาท
ปี 2564 รายได้ 3,412,077,159 บาท
ขาดทุน 1,601,412,666 บาท
ปี 2565 รายได้ 4,187,357,274 บาท
ขาดทุน 2,492,131,174 บาท
ปี 2566 รายได้ 1,871,844,510 บาท
ขาดทุน 4,586,809,163 บาท
เปิดแผนบุกตลาด OTT ปี 68 บุกโซเชียล คอมเมิร์ซ
วินท์รดิศ กลศาสตร์เสนี ประธานฝ่ายดิจิทัลมีเดีย บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด หรือ ทรู ไอดี เปิดเผยว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการทำธุรกิจนี้คือการแข่งขันด้านคอนเทนต์ ดังนั้นการลงทุนคอนเทนต์จึงเป็นสิ่งที่ยาก และลงทุนสูง
ทรู ไอดี มีแผนในการพัฒนาคอนเทนต์และแพลตฟอร์ม ที่ต้องให้ความสำคัญคือ การเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคมีความเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล แพลตฟอร์มจึงจำเป็นต้องเข้าถึงและรู้อินไซต์ของคน ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งาน และอยู่บนคอมมูนิตี้ของเรา นั่นคือเรื่องแรกที่ทรูไอดีต้องทำ
เรื่องที่สองคือ การบุกสู่ โซเชียล คอมเมิร์ซ โดย วินท์รดิศ อธิบายเพิ่มเติมว่า การเข้าสู่ธุรกิจ โซเชียล คอมเมิร์ซ ต้องเป็นในรูปแบบของทรู ไอดี แน่นอนวันนี้ สิ่งที่ดิสทรัปแม้กระทั่งผู้เล่นในระดับโลก คือ TikTok จากเมื่อก่อน short form เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีใครทำ แต่วันนี้ทุกคนมี short form ซึ่งเกิดจาก TikTok
ดึง AI พัฒนาสินค้าเฉพาะกลุ่ม
ทรู ไอดี ก็ต้องทำ แต่จะไปก็อปปี้เขาก็คงสู้เขาไม่ได้ สิ่งที่ทรู ไอดี พยายามทำคือ ต้องหาจุดลงตัวของ อีโคซิสเต็มส์ ของ ทรู ไอดี ร่วมกับพันธมิตรให้ได้ สร้างแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์คนไทยได้ดีกว่าสิ่งที่แพลตฟอร์มต่างชาติทําวันนี้ เพราะฉะนั้นเกมนี้ ไม่ใช่เกมมอง short term มันคือการสร้างนวัตกรรมใหม่บนสิ่งที่เริ่มเห็นแล้วว่านี่คือโลกกําลังเปลี่ยนไป
โลกคอนเทนต์กับโลกขายของ มันเริ่มใกล้กันมาก แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่มีใครเคยเห็นเลย งั้นวันนี้สิ่งที่เราทํา เราเริ่มมองไปถึงว่า ในยุคต่อไป โดยที่มี AI มาเป็นตัวกลาง ตัวแปลหลักสําคัญของธุรกิจ สินค้าต้องพัฒนาไม่มีวันหยุด เพราะนี่คือหัวใจของธุรกิจ
กีฬา-ธรรมะ คอมมูนิตี้ใหญ่ ทรู ไอดี
“เวลาเรามอง ทรู ไอดี เราไม่สามารถจะบอกได้ว่า ทรู ไอดี เป็นแพลตฟอร์มที่ทําเรื่องแค่ วิดีโอ สตรีมมิ่ง เท่านั้น ” วินท์รดิศ กล่าว พร้อมบอกเหตุผลว่า ทรู ไอดี ต้องการขยายบริการอื่นๆ ซึ่งเป็นบริการที่ถูกสร้างมาตั้งแต่เริ่ม ถ้าถามคนที่ใช้บริการทรู หลายๆ คนจะบอกว่า “ผมมาเข้า ทรู ไอดี เพราะต้องการ Privilege หลายอย่างที่ทรูให้ ผ่านทรูเรดการ์ดผ่านทรูแบล็กการ์ด” คนหลายคนต้องบอกว่าจํานวน 1 ใน 3 ของ ผู้ใช้ของทรู ไอดี เข้ามาเพื่อหา Privilege ต่างๆ ภายในทรู นั่นเป็นหนึ่งใน used case ใหญ่ที่สุดของการใช้ ทรู ไอดี
ด้วยความที่ ทรู ไอดี มีคอนเทนต์เยอะ จึงสามารถสร้างคอมมูนิตี้ ของคนที่ชอบคอนเทนต์เหมือนๆ กันได้ ยกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในคอมมูนิตี้ คือ คนดูกีฬา ดูฟุตบอล ทุกๆ แมทช์ จะมีการทําเรื่อง live commenting สามารถ text คุยกันระหว่างมีการแข่ง
อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ คอมมูนิตี้ของธรรมมะ ด้วยการที่ทรูทําสามเณรปลูกปัญญามานาน จึงกลายเป็น คอมมูนิตี้ ที่คนเหนียวแน่นมาก นอกจากนี้ ทรู ไอดี ยังมีคอนเทนต์เด่นคือ วิดีโอ ทั้งจากการจัดสร้างเอง และการซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มจากคู่ค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ตั้งเป้าเป็นซุปเปอร์แอป สู้ศึกธุรกิจคอนเทนต์
ต้องยอมรับว่า ธุรกิจคอนเทนต์ มีการแข่งขันสูงมาก สิ่งที่สะท้อนคือ Content Cost การลงทุนคอนเทนต์ก็สูงขึ้นตาม เช่นกัน จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ถือว่ามีความยากมากที่สุดในธุรกิจนี้ คือถ้าต้องการจะเป็นผู้นํา ไม่ต้องเอาระดับโลก แค่ในประเทศ วันนี้ก็ไม่ง่าย เพราะเมื่อทุกคนก็เล็งเห็นเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มียุทธศาสตร์ที่สําคัญในการที่จะเป็นคอนเทนต์ซัพพลายเออร์ใหม่ของโลก ต่อจากสิ่งที่เกาหลีเป็น
ณ วันนี้ ต้องยอมรับว่า OTT นั้น ถ้ามองในอุตสาหกรรมโดยตรงของ Content Business นี้ YouTube คือโฆษณา เอาคอนเทนต์มา ใครก็สามารถโพสต์คอนเทนต์ได้ แล้วส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการหารายได้ผ่านโฆษณา ขณะที่ Netflix เป็นช่องหนึ่งที่เอาคอนเทนต์ตัวเองใส่ แล้วต้องมีการ subscribe คนจึงสามารถดูได้
ขณะที่ ทรูไอดี TrueID จะมีความคล้ายคลึงกับโมเดลอย่าง WeChat โดยเป็นซุปเปอร์ แอป ที่มีทุกๆ บริการ ที่อยู่ใน WeChat ตั้งแต่การสตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ และ เดลิเวอรี่ ดังนั้นการที่มีหนึ่งบริการที่สามารถทําได้หลายๆอย่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เป็นจุดยืนที่ ทรู ไอดี อยากทํา และเป็นสิ่งที่ทํามาตลอด