ภาคเอกชนเข้าพบ "แพทองธาร" หารือรับมือนโยบาย "ทรัมป์ 2.0"
รัฐบาลเตรียมจัดทีมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังสงครามการค้าโลกเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนและธุรกิจไทย จากการปรับนโยบายของ ทรัมป์ 2.0
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงมาตรการรับมือผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งกลับมาดำรงตำแหน่งในวาระที่สอง
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าของสหรัฐฯ มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้น ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาแผนการเจรจากับสหรัฐฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดผ่านสื่อได้ในขณะนี้ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้าทีมเจรจาหรือไม่นั้น ต้องรอการหารือกับภาคเอกชนก่อน โดยเน้นว่าต้องการให้ทีมเจรจามีความคล่องตัว และสามารถเจรจาได้อย่างรวดเร็ว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเข้าพบนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความคิดเห็นของภาคเอกชน หลังจากที่ผ่านมานโยบายการค้าของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และอัตราแลกเปลี่ยน ภาคเอกชนจึงต้องทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์
สำหรับนโยบาย "ทรัมป์ 2.0" ที่สร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจไทย ประกอบด้วยนโยบายหลักด้านการค้าระหว่างประเทศ เช่น:
1.การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกที่ไทยเป็นส่วนหนึ่ง
2.การทบทวนข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การเจรจาใหม่กับประเทศคู่ค้า รวมถึงไทย
3.นโยบายส่งเสริมการผลิตในสหรัฐฯ (America First) ที่อาจส่งผลต่อการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดการเงินและการค้าโลกในระยะข้างหน้า