“เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ผนึกไปรษณีย์ไทย รุกเป้าหมายชุมชน
“เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เดินหน้าสร้างโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการสภาพคล่อง จับมือไปรษณีย์ไทย เปิดช่องทางใหม่ให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ในยุคที่เศรษฐกิจยังคงท้าทายและความต้องการเงินทุนหมุนเวียนสูง “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ไม่รอช้า เดินหน้าสร้างโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการสภาพคล่อง ด้วยการจับมือกับไปรษณีย์ไทย เปิดช่องทางใหม่ให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
สินเชื่อถึงมือคนไทยง่ายขึ้น ผ่านไปรษณีย์ไทย
“เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ได้เปิดโครงการนำร่องร่วมกับไปรษณีย์ไทย ให้บริการสมัครสินเชื่อจำนำทะเบียนรถได้ง่ายๆ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 45 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เริ่ม 1 เมษายนนี้) โดยลูกค้าเพียงเตรียมเอกสารให้พร้อม ก็สามารถสมัครสินเชื่อผ่านเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่ได้รับการอบรมเฉพาะทาง
นางสาวเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2568 นี้ สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังมีการชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย
อย่างไรก็ดี พอร์ตสินเชื่อธุรกิจ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ในปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตในเชิงคุณภาพตั้งแต่การคัดกรองสมาชิกเข้าพอร์ต และการบริหารจัดการพอร์ตลูกหนี้ตลอดวงจรของการเป็นสมาชิกกับเคทีซี
สำหรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ "เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน" ในปี 2568 นี้ ตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ที่ 3,000 ล้านบาท โดยมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านช่องทางธุรกิจต่างๆ เพื่อรุกเข้าถึงพนักงานประจำและเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ และต้องการเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ทำอาชีพเสริมและเพิ่มสภาพคล่อง ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย สะดวกและปลอดภัย
จุดเด่นของบริการนี้ คือ อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที / วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท / ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน / วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินรถ
การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า แต่ยังช่วยให้กลุ่มคนที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก หรือไม่ได้รับการดูแลทางการเงินอย่างเพียงพอ (Unserved & Underserved) ได้มีโอกาสใช้บริการสินเชื่อจากสถาบันที่เชื่อถือได้
การปรับตัวของไปรษณีย์ไทย ไม่ใช่แค่กิจการส่งจดหมาย สู่จุดบริการทางการเงิน
ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยว่า ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ และมีพนักงานที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ได้ดี จึงเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการให้บริการด้านสินเชื่อครั้งนี้
“ไปรษณีย์ไทยไม่เพียงแค่ส่งจดหมายและพัสดุอีกต่อไป แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะเจ้าของกิจการขนาดเล็กและพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน”
โดยมีรูปแบบให้บริการ 2 ช่องทางคือ
1. ลูกค้าสามารถฝากข้อมูลสมัครสินเชื่อไว้ที่ไปรษณีย์ และเจ้าหน้าที่เคทีซีจะติดต่อกลับ
2. สมัครและอนุมัติสินเชื่อได้ทันที ณ ไปรษณีย์ไทยบางแห่ง
ในส่วนของกลยุทธ์ของไปรษณีย์ไทย จากการที่คู่แข่งในธุรกิจบริการขนส่งและกระจายสินค้าแบบครบวงจรมีสูงขึ้นและมีกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่สงครามราคายังเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ดร.วราภรณ์ ให้คำตอบกับโพสต์ทูเดย์ว่า "ชิ้นงานเราไม่ได้ลดลงเลย แต่เราเติบโตขึ้นเพราะเราเน้นที่คุณภาพการบริการเป็นหลัก ดูจากปีนี้หรือสองปีที่ผ่านมา ถ้าดูจากตัวเลขการเงินแล้วเราก็ยังยืนหนึ่ง คือเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมเช่นเดิม แต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการแข่งขันคือ สงครามราคา ที่คงจะเพิ่มขึ้น แต่ชิ้นงานเราเติบโตตลอดและในช่วงไตรมาสแรกนี้เรามีกำไรสูงขึ้นถึงเกือบ 400 ล้านบาท"
ตรงนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าไปรษณีย์ไทยจะยังรักษาระดับของความเป็นเบอร์หนึ่งไว้ได้ และนับเป็นสัญญาณที่ดีตั้งแต่ต้นปี
กลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้า Walk-in จากฐานสมาชิกไปรษณีย์ไทย 1.4 ล้านคนในปัจจุบัน
"เรามีโปรแกรมที่เรียกว่า Post family เป็น Royalty Program สำหรับลูกค้าที่ walk-in เข้ามาเพื่อให้สมัครเป็นสมาชิกในการสะสมคะแนน เพื่อใช้ลดค่าขนส่งที่หน้าเคาท์เตอร์ได้เลย และมีแพลตฟอร์มที่ใช้แลกคะแนนได้เลย รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ
มากกว่านั้นหน้าเคาร์เตอร์ของไปรษณีย์ทุกที่ยังมีสินค้าชุมชนวางจำหน่าย เป็นธุรกิจค้าปลีกของไปรษณีย์ที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาช้อปปิ้งได้อีก สินค้าของเราขายดีมาก เรามีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าหน้าเคาท์เตอร์ถึงปีละ 600 ล้านบาท"
ความเชื่อมั่นมาจากความคุ้นเคย
"สำหรับลูกค้า Walk in ถือเป็นจุดแข็งของเราในเรื่องของระบบสมาชิก post family ที่สามารถช่วยเหลือชุมชนได้ด้วย นอกจากนั้น เนื่องจากไปรษณีย์มีความคุ้นเคยกับชุมชน เจ้าหน้าที่หน้าเคาท์เตอร์ก็จะมีความคุ้นเคยกับลูกค้าประชาชนที่เข้ามาอยู่แล้ว ทำให้เชื่อว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตของลูกค้า walk in ไว้ได้ จำนวนสมาชิกของเราเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 400,000 ราย ทำให้มีสมาชิกอยู่ราว 1,400,000 คนในเวลานี้ หลังจากเปิดตัวโปรแกรม post family มาได้ประมาณ 3-4 ปี และยังคงมีการเติบโตของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง"
สุดท้ายดร.วราภรณ์ แสดงความเชื่อมั่นว่า โครงการสินเชื่อรถแลกเงิน KTC พี่เบิ้ม ที่หน้าเคาท์เตอร์ไปรษณีย์ไทย จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ จากการเข้ามาสอบถามข้อมูลจากไปรษณีย์และส่วนหนึ่งมาจากความใกล้ชิดชุมชนมาก ตนเชื่อว่าเคาท์เตอร์ไปรษณีย์จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยได้จากความคุ้นเคยกันระหว่างไปรษณีย์กับลูกค้าในชุมชน
อนาคตของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” และการขยายตัวต่อไป
นางสาวเรือนแก้ว เปิดเผยด้วยว่า “นอกจากความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยแล้ว ในอนาคตเราจะพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรเพิ่มเติม รวมถึงพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่ามากขึ้น เพื่อทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว”
และหากโครงการนำร่องนี้ได้รับการตอบรับที่ดี อาจมีการขยายบริการไปยังจังหวัดอื่นๆ และเพิ่มช่องทางออนไลน์ เช่น สมัครผ่านเว็บไซต์ ไลน์ หรือแอปพลิเคชัน Wallet@Post
นอกจากนี้ ผู้ประสงค์จะสมัครสมาชิกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์ ยัง สามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/loan/ktc-p-berm