ธ.ก.ส.-บสย. ออกมาตรการด่วน หนุนสินเชื่อ-พักหนี้ช่วยผู้ประสบภัย

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตร ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพของเกษตรกรโดยตรง 

 

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ธ.ก.ส. ได้ออก โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน และ โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ

 

สินเชื่อฉุกเฉิน: วงเงิน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 0% ในช่วง 6 เดือนแรก และหลังจากนั้นคิดดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน 6.725%)

 

สินเชื่อฟื้นฟูฯ: วงเงิน ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย MRR -2% ต่อปี

 

สินเชื่อดังกล่าวช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องจักรกลการเกษตร และเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

 

ด้านความปลอดภัยของสถานที่ทำการ ธ.ก.ส. ได้เร่งตรวจสอบโครงสร้างอาคารและระบบต่างๆ เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2568 ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

ขณะที่ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลต่อร้านค้า สถานประกอบการ และกิจการต่างๆ อาจกระทบสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจ บสย. จึงออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการสามารถฟื้นฟูกิจการได้โดยเร็ว

 

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. เปิดเผยว่า บสย. ได้ออกมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าและลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีแนวทางหลัก 2 ประการ ได้แก่

 

มาตรการช่วยลูกค้า – พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกัน ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 30 เมษายน 2568

 

มาตรการช่วยลูกหนี้ – พักชำระค่างวด 3 งวด สำหรับลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่มีประวัติค้างชำระ โดยสามารถยื่นคำขอพักชำระหนี้ได้ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 30 เมษายน 2568

 

นอกจากนี้ บสย. ยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้สำนักงานเขตทั่วประเทศเร่งสำรวจผลกระทบและประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือให้ทั่วถึง รวมถึงลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามความจำเป็น