คลัง จ่อลดค่าธรรมเนียมโอนเหลือ 0.01 % อุ้มอสังหาฯ หลังเหตุตึกถล่ม
คลัง เร่งประเมินผลกระทบแผ่นดินไหว เล็งออกมาตรการปลุกความเชื่อมั่นภาคอสังหาฯ-ท่องเที่ยว จ่อชงลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% เข้า ครม. ก่อนสงกรานต์
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ อยู่ระหว่างกำลังเร่งประเมินผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะความกังวลในเรื่องความปลอดภัยของอาคารสูงที่อาจส่งผลให้ผู้บริโภค และนักลงทุนเกิดความลังเลในการตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการเพื่อโอบอุ้มภาคอสังหาริมทรัพย์ ในภาวะที่มีการสูญเสียความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งหลังจากได้มีการหารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านอสังหาริมทรัพย์ พบว่า จริง ๆ แนวโน้มของธุรกิจในปีนี้จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวดิ่งที่เชื่อมั่นว่าจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่เมื่อมาเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหว ก็ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ยอมรับว่ามีความหนักใจ โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้คือการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาเร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสีย ซึ่งมาตรการคกระตุ้นภาคอสังหาฯคาดว่าจะได้รับข่าวดีเร็วๆนี้
แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง ระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% เพื่อเรียกความเชื่อมั่น และช่วยลดภาระผู้ซื้อและกระตุ้นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้มีการประกาศผ่อนมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV - Loan to Value)ไปก่อนหน้าแล้ว เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่กับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว
จากสถานการณ์โควิด พบว่า หากมีการผ่อนคลายทั้ง 2 มาตรการพร้อมกัน คือ ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง และLTV จะพบว่าได้รับการยอมรับและมีผลเชิงศักยภาพสูงมาก แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะออกเมื่อไร เพราะอยู่ในกระบวนการเตรียมการ โดยคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาได้ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ในปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณสำรองสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาใช้ในมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่าย รวมถึงมาตรการสินเชื่อและอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของอาคารสูง โดยกระทรวงมหาดไทยและกรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังตรวจสอบอาคารในพื้นที่เสี่ยง เพื่อยืนยันความมั่นคงของอาคารและกระตุ้นความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และกำหนดแนวทางการป้องกันและรับมือเหตุการณ์ในอนาคต โดยกระตุ้นให้ภาคเศรษฐกิจดำเนินกิจกรรมได้อย่างมั่นใจ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า แม้เหตุการณ์แผ่นดินไหวและ Aftershock จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว แต่ได้สร้างความกังวลในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยและคอนโดมิเนียม ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังคงเป้าหมายจีดีพีปี 2568 ที่ 3% โดยมีงบประมาณ 150,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น
แผ่นดินไหวครั้งนี้ อาจกระทบตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ที่ 3% แต่รัฐบาลยังมีวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ที่จะผลักดันเศรษฐกิจ และหากจำเป็นจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนจีดีพีปี 2568 ให้เติบโตตามเป้าหมาย 3%
สำหรับเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้รับความเสียหาย กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการเยียวยา โดยกรมบัญชีกลางได้ขยายวงเงินทดลองราชการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จำนวน 200 ล้านบาท รวมถึงมาตรการทางการเงินผ่านสถาบันการเงินของรัฐเพื่อลดต้นทุนและดอกเบี้ยสินเชื่อ
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้สั่งการให้บริษัทประกันภัยเร่งดำเนินการชดเชยความเสียหายให้ประชาชนที่ทำประกันไว้ รวมถึงการประกันภัยของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งกระทรวงการคลังยืนยันว่าบริษัทประกันที่เกี่ยวข้องมีสภาพคล่องเพียงพอในการจ่ายค่าสินไหม
ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหาย โดยสมาคมภาคเอกชนคาดการณ์ความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 20,000-30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลระบุว่าตัวเลขดังกล่าวยังต้องได้รับการวิเคราะห์เพิ่มเติม โดยเน้นฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนเป็นปัจจัยหลัก หากสามารถดำเนินมาตรการได้อย่างรวดเร็ว ผลกระทบทางเศรษฐกิจก็จะลดลงตามไปด้วย
รัฐบาลยืนยันว่าพร้อมเดินหน้ามาตรการทุกด้านเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด รวมถึงการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารเพื่อรองรับเหตุการณ์ในอนาคต ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันอีกต่อไป