พิรงรอง-ธนพันธุ์ ขอบคุณศาลให้ความยุติธรรม เคส ไตรรัตน์ ฟ้อง 157
ยืนยันปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ไม่หนักใจ มีผู้พิพากษาทำความเห็นเเย้ง เผยพร้อมค้านอุทธรณ์โจทก์ ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล
จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยกฟ้อง 4 กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้แก่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 1), นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 2), นายศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 3), นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 4) และ 1 อดีต รองเลขาธิการกสทช.นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. (จำเลยที่ 5)
ซึ่งถูกนายไตรรัตน์ ฟ้อง กรณีถูกสอบให้งบสนับสนุนการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) 600 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 แต่ประชาชนไม่สามารถรับชมได้นั้น https://www.posttoday.com/business/722183
ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา นางสาวพิรงรอง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ศาลตัดสินยกฟ้องตนกับพวกในคดีนี้เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย และในส่วนที่องค์คณะมีความเห็นแย้งในคดีนี้ ให้สั่งจำคุกนั้น ตนไม่ได้หนักใจ เป็นสิทธิของศาล ที่สามารถทำได้ แต่ตนคาดว่า หลังจากนี้ น่าจะมีการใช้สิทธิอุทธรณ์ของฝ่ายโจทก์ โดยตนเตรียมที่จะยื่นค้านอุทธรณ์ ของฝ่ายโจทก์ด้วย
ขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับตนเองและทุกคน ตนขอยืนยันว่าทุกคนนั้นทำหน้าที่ตามกฎหมายโดยตลอด และเหตุแห่งคดีนี้เป็นการปกป้องประโยชน์ของสาธารณะ ทั้งส่วนของผู้บริโภคในส่วนของการรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก และส่วนของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจากกสทช.แต่ไม่สามารถถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้
ขณะที่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเราทั้ง 4 คน และเชื่อว่าสิ่งที่พวกเราทำมา เราทำมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งได้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ เพราะสิ่งที่เราทำมาเป็นไปตามกฎระเบียบทุกอย่าง ”
จริงๆ แล้วตนมองว่าคงมีอีกหลายประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาในลักษณะของการทำงานของ กสทช. ที่ทำให้ในบางเรื่องมีมติแล้ว แต่ในหลายครั้งที่มตินั้นไม่ยอมนำไปสู่การปฏิบัติ และมีหลายเรื่องที่โดนฟ้อง ทั้งๆที่พยายามปกป้องสิทธิหน้าที่ของประชาชนและอำนาจหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการตั้งรักษาการเลขาธิการกสทช. ก็ควรต้องเป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จะต้องมาร่วมกันให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ มองว่า ในแง่ของการที่จะแต่งตั้งรองเลขาธิการกสทช.คนต่อไป ก็เชื่อว่าก็ต้องเป็นอำนาจของกสทช. ไม่ใช่ว่าจะเป็นอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่จะมีอำนาจในการมาดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็ทราบดีว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามระเบียบ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติของ กสทช. หลายๆชุดที่ผ่านมา ก็ได้มีการปฏิบัติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบางครั้งอาจจะมีการดำเนินการที่ไม่ยอมรับในมติหรือไม่เป็นไปตามมติ จึงทำให้เกิดปัญหา
แต่อย่างไร พวกเราก็พร้อมที่จะยืนหยัดทำหน้าที่เพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป